วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

[Fic Attack On Titan ] Levi x Eren : Position Part # 11

Positon

Part #11 


ก๊อก ก๊อก...

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ที่หน้าประตู้ไม้สีน้ำตาลเข้มบานใหญ่บนชั้นสามของคฤหาสน์ชิกันชิน่า ชายวัยกลางคนผมสีทองสั้นยืนกอดอกรอคนที่อยู่ข้างในมาเปิดออก แต่ไม่มีเสียงใดที่ตอบกลับมา
นอกจากความเงียบสงัด รีไวล์นี่พ่อเอง เปิดประตูให้หน่อยสิ” เอลวินตะโกนเรียกแต่ก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาอีกเช่นเดิม มือแกร่งยกขึ้นเคาะประตูอีกครั้ง รีไวล์ นี่เจ็ดโมงครึ่งแล้วนะ ตื่นได้แล้ว” เอลวินขมวดคิ้วสงสัย ปกติลูกชายไม่เคยตื่นสายขนาดนี้ ทุก 6 โมงเช้าเขาจะต้องเห็นลูกชายนั่นจิบชาไม่ก็อ่าหนังสืออยู่ในห้องโถงแล้ว แต่วันนี้แปลกที่ไม่เห็นรีไวล์แม้แต่เงา จึงรีบเดินเถรตรงมาที่ห้องเพื่อปลุกลูกชายที่คิดว่ากับหลังหลับใหลอยู่นั้นให้ตื่นขึ้นมารับตะวันยามเช้า


พ่อเข้าไปแล้วนะ...” เอลวินไม่รออีกต่อไป ในเมื่อมายืนเคาะประตูตั้ง 5 นาทีแล้วยังไม่มีเสียงใดตอบมา ก็ยิ่งอดจะเป็นห่วงลูกชายไม่ได้ บางทีอาจจะไม่สบาย... มือแกร่งจับลูกบิดประตูแล้วเปิดออก สิ่งที่พบเจอก็คือห้องนอนที่สะอาดเอี่ยม ทุกสิ่งทุกอย่าในห้องถูกจัดว่าอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสมคำกล่าวขานนายน้อยรีไวล์จริงๆ ว่าเข้าขั้นโรคจิตอ่อนๆ เรื่องความสะอาดนั้นต้องเป็นอันดับหนึ่งเสมอไม่มีใครเทียบได้ อย่าให้เห็นแม้แต่นิดเชียวว่าสิ่งของในห้องวางบิดเบี้ยวหรือมีเศษผงเศษขยะตกอยู่ตามซอกซอยใดของมุมห้อง พ่อบ้านแม่บ้านที่รับผิดชอบห้องของนายน้อยมีหวังได้โดนตะเพิดจนต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน


แต่สิ่งที่ชายวันกลางคนผู้เป็นข้าวของคฤหาสน์ไม่ได้มาตามหาเศษฝุ่นเศษขยะแต่อย่างใด ดวงตาสีผ้าอบอุ่นตวัดมองขึ้นไปบนเตียงนอนใหญ่สีครีมทำจากผ้าไหมชั้นเยี่ยมจากฝรั่งเศส ผ้าห่มถูกเก็บอย่างเรียบร้อย หมอนมุ้งจัดวางอย่างดีเหมือนกับว่ายังไม่มีใครมานอนบนเตียงนี้เลย...


รีไวล์ไม่อยู่... แล้วไปไหนกัน รึว่าออกไปนานแล้ว.. ไปไหนกัน


เอลวินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งเกิดอาการหงุดหงิดทำเสียงจิ๊จ๊ะแล้วเดินออกไปจากห้องทันที ร่างสูงใหญ่เดินกระแทกฝีเท้าลงมาจากบันได โดยในใจพลางคิด เอ... บางทีรีไวล์อาจจะไปอยู่ในสวน ไม่ก็อาจจะไปหาอาร์มินก็ได้” คิดดั่งนั้นจึงไม่รอช้ารีบคว้าหูโทรศัพท์บ้านโทรหาอาร์มินที่อยู่ชั้นบนทันที


…… กริ๊ก!

##...สวัสดีครับ อาร์มิน อาเรลโต้พูดครับ...##

อาร์มินฉันเอลวินนะ ขอถามอะไรหน่อยสิ รีไวล์ได้ไปหานายบ้างรึเปล่า

            ##...เหนายน้อยน่ะหรอครับ ...ไม่นี่ครับ ผมก็ไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว ว่าแต่...เกิดอะไรขึ้นหรอครับท่านชาย...##

                “ อ...เออ ไม่มีอะไรหรอก ขอบใจนายมากนะ

            กริ๊ก!!


            เอลวินวางหูโทรศัพท์ลงทั้งสีหน้ากังวล เริ่มใจคอไม่ค่อยดีเสียแล้ว ถ้ารีไวล์เกิดโมโหแล้วหนีออกจากบ้านเพื่อหนีงานแต่งงานของคุณหนูเพทราขึ้นมาจะทำยังไงล่ะเนี่ย จะทำยังไงดี ตอนนี้ไม่รู้จะไปหาที่ไหนดี ปกติรีไวล์ก็ไม่เคยออกไปไหนนอกจากเดินวนเวียนอยู่ในคฤหาสน์เท่านั้น ใบหน้าเหลี่ยมยาวเปียกชั่มเหงื่อแตกพลักๆ แล้วถ้าเกิดหนีออกไปจริงๆจะทำยังไง จะบอกกับไนล์ยังไง...


                อ้าวท่านชายเอลวิน” เสียงหวานใสของหญิงสาวดังขึ้นจากด้านหลัง เสียงที่คุ้นหูนี้ดึงสติให้กลับมา ชายวัยขึ้นเลขสี่ เริ่มรู้สึกมีความหวังขึ้นมาเล็กๆ เมื่อได้เจอหน้าของสตีใส่แว่นร่างสูงโปร่งในชุดผ้าระบายกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อนที่ยืนเกาะราวอยู่ที่ปลายฝั่งของบันไดสีขาว หนูฮันซี่ มาตั้งแต่เมื่อไรหรอ ไม่บอกกล่าวกันล่วงหน้าเลยนะ ฮะๆๆ” ชายผมทองพูดอย่างคนรู้จักมักคุ้นกับหญิงสาว แต่รอยยิ้มแห้งๆกลับทำให้ฮันซี่อดสงสัยพิรุธเสียไม่ได้ บวกกับเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายทั่วใบหน้าที่ประเปรยริ้วรอยตามวัยนั่นแล้ว ยิ่งทำให้รู้สึกแน่ใจขึ้นว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ


            “ท่านชายมีอะไรรึเปล่าคะหน้าซีดเป็นไก่ต้มเชียว” ฮันซี่ถามตรงๆด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน  เออ...คือ..” คิ้วบางสีน้ำตาลขมวดกันเล็กน้อย แสดงถึงความเหนื่อยใจกับท่าทางอ้ำๆอึ้งของชายวัยกลางคนพ่อของเพื่อนสนิท วันนี้รีไวล์หายตัวไปตั้งแต่เช้า บนห้องนอนก็ไม่มี จะไปหาอาร์มินก็ไม่ใช่ ฉันรู้สึกเป็นห่วงยังไงไม่รู้สิ กลัวว่ารีไวล์จะเครียดจนหนีงานแต่งงาน หนูฮันซี่เป็นคนที่สนิทกับรีไวล์มากที่สุด พอจะรู้ไหมว่าเขาไปที่ไหน” ฝ่ามือหนายกขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากลวกๆแต่สีหน้ากังวลนั้นยังไม่หายไป ฮันซี่รู้สึกเห็นใจหัวอกของคนเป็นพ่อ แต่ตัวเธอก็เชื่อว่ารีไวล์ไปได้หนีไปไหนแน่นอน


อาจจะกำลังอยู่ที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของคฤหาสน์ ที่ไหนซักแห่ง...


รีไวล์ไม่มีทางหนีแบบนั้นแน่ค่ะ ฉันรู้จักเขาดี ฉันว่าเขาต้องอยู่ในคฤหาสน์นี่แหละค่ะ ลองไปหากันดูไหมคะ ฉันก็หาเขาอยู่เหมือนกัน” ใบหน้าทะเล้นที่ดูมั่นอกมั่นใจทำให้ผู้ดวงใจของผู้เป็นพ่อนั้นรู้สึกโล่งขึ้นมาบ้าง ไม่รอช้าที่จะตอบตกลงแล้วเดินไปกับฮันซี่เพื่อตามหาลูกชายหัวดื้อหน้าตายที่หายไปอย่างปริศนา จริงๆแล้วในใจของฮันซี่เองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนักว่ารีไวล์จะอยู่ในคฤหาสน์จริงๆ แต่ด้วยที่ความเป็นเพื่อนกันมาเกือบสิบปีย่อมคิดว่าการที่รีไวล์จะหนีไปเสียดื้อๆมีโอกาสเป็นไปได้แค่ 40เท่านั้น


โถ่เอ้ย!! ไหนบอกว่าจะสู้ไง มัวแต่ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนนะรีไวล์


.


.


.


.


.


                ทางด้านหลังของคฤหาสน์เป็นที่พักสำหรับพ่อบ้านและคนงานอื่นๆ ....ห้องนอนห้องชายหนุ่มที่สะอาดสะอ้านเรียบร้อยกว่าผู้ชายทั่วไป รองลงมาจากห้องของแม่บ้านมิคาสะก็คือห้องของพ่อบ้านเอเลน ห้องนอนที่มีเตียงคู่ทั้งๆที่ใช้ห้องนี้เพียงคนเดียว เนื่องจากพ่อบ้านคนเก่าอย่างอาร์มินได้ติดปีกโบยบินขึ้นไปที่สูงๆเสียแล้ว ค่ำคืนที่เคยผ่านมาก็ต้องนอนเพียงลำพังอย่างโดดเดี่ยว แต่เมื่อคืนเขาไม่ได้โดดเดียวเหมือนทุกครั้ง....เมื่อมีเด็กหนุ่มคนที่รักยิ่งมานอนเคียงข้างกาย สวมกอด ให้ไออุ่น ความรักและความสุข แต่เอเลนนั้นหาเต็มใจไม่


ร่างเปลือยเปล่าทั้งสองบนเตียงใต้ผ้าห่มสีขาวหนานุ่ม ใบหน้าหล่อเหลาซุกอยู่ข้างคอระหงนวลเนียนที่มีรอยสีกุหลาบมากมายจากกิจกรรมที่เร่าร้อนเมื่อคืนท่ามกลางความหนาวเหน็บ ที่ร่างกำยำก็โอบกอดร่างสูงที่บอบบางเอาไว้ในอ้อมแขนแกร่งให้ไออุ่นกับเอเลนอย่างเหลือล้น รีไวล์รู้สึกตัวตื่นขึ้น เด็กหนุ่มวัย 17 ปี ค่อยๆปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ มองร่างบางที่ตัวโอบกอดนอนขดตัวด้วยความหนาวจนกล้ามเนื้อเกร็ง เด็กหนุ่มสูดดมกลิ่นกายหอมหวานจากร่างกายของเล่นเอเลนทุกซอกส่วน ทั้งเส้นผม ผิวกาย ซอกคอ ต่างก็มีกลิ่นซ่อนเร้นที่เย้ายวนน่าค้นหาไปเสียหมด ร่างเล็กกำยำดันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วสะบัดหัวเบาๆ


สงสัยจะหนักไปหน่อย เวียนหัวชะมัด....


ดวงตาสีเทาแผนมองที่ร่างเปลือยบอบบางใต้ผ้าห่ม ไล่มองรอยตรีตราแห่งรักตั้งแต่คอระหงลงมาทั้งแอบรู้สึกภูมิใจอยู่หน่อยๆ แต่ก็ต้องหยุดลงเมื่อความคิดเรื่องราวนองน้ำตาก่อนกิจกรรมบนเตียงผ่านแว็บเข้ามาในหัว ทำให้รีไวล์เริ่มคิดว่าถ้าเอเลนตื่นขึ้นมาจะคุยกับคนผู้เป็นที่รักยังไง จะทำยังไงดีให้เอเลนยอมรับฟังและเข้าใจเขา เอเลน ...เอเลน...” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกผู้เป็นที่รักด้วยน้ำเสียงแหบพร่าจากความเหน็ดเหนื่อย แต่อีกฝ่ายนั้นยังนอนแน่นิ่งไม่ยอมขยับตอบ เอเลน... ตื่นได้แล้ว...เอเลน...” เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกอีกครั้ง แต่ก็เป็นเช่นเดิม ไม่มีเสียงตอบรับใดแม้กระทั่งการขยับตัว ยังแน่นิ่ง ไม่กระดุกระดิกตอบสนองต่อเสียงเรียกแต่อย่างใด รีไวล์ขมุ่นคิ้วสงสัยกับการนอนตัวแข็งเหมือนท่อนไม้ของเอเลน ทันใดนั้น อือ...” เสียงอื้ออึงเอ่ยเบาๆในลำคอแต่รีไวล์กลับได้ยินชัดเจน เอเลน...” พูดพร้อมเอื้อมมือไปจับแขนอรชร แต่มีบางสิ่งที่ส่งผ่านจากฝ่ามือทำให้เด็กหนุ่มถึงกับต้องสะดุ้งโหยง ทำไมนายตัวร้อนขนาดนี้...” ร่างกายกำยำขยับเข้าใกล้เอเลน มือแกร่งจับเอเลนพลิกตัวให้นอนหงายจากท่าคะแตงเมื่อครู่ ใบหน้าหวานฉานเหงื่อแตกพลักๆทั้งที่อากาศหนาว ลมหายใจหอบติดขัด  รีไวล์ยื่นหลังมือไปแตะหน้าผากของเอเลนก็รู้ได้ในทันที


เอเลนไข้ขึ้น!!!...


 ตัวร้อนขนาดนี้ ไข้ขึ้นสูงซะด้วย ดูท่าว่าเมื่อคืนนี้จะหักโหมเกินไปหน่อยสำหรับเอเลน รีไวล์รีบดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนทั้งร่างเปลือย มือหนารีบคว้าเสื้อผ้าที่กองอยู่ที่พื้นมาสวมใส่อย่างรีบร้อน และหยิบเสื้อผ้าในตู้เก็บมาสวมให้เอเลนเช่นกัน เอเลนทำใจดีๆไว้นะเด็กหนุ่มผมสีดำพูดด้วยน้ำเสียงกังวลพร้อมสอดมือแกร่งลงใบที่แผ่นหลังบอบบางอีกข้างสอดเข้าใต้เข่าแล้วยกขึ้นพร้อมๆกัน ไอร้อนจากตัวของเอเลนแผ่ถึงร่างของรีไวล์ รู้สึกได้อย่างชัดเจน  ใบหน้าคมเข้มซุกลงบนแก้มนุ่มที่ขึ้นสีแดงก่ำและร้อนผ่าว ขึ้นไปบนห้องฉันนะ...เอเลน” เสียงทุ้มแฝงความห่วงใยที่แผ่วเบา กระตุกเปลือกตาให้ค่อยๆปรือขึ้นเล็กน้อย นาย..น้อย” ดวงตาสีมรกตหวานล้ำนั้นดูเลื่อนลอย ทุกสิ่งอย่างพร่ามั่วเพียงชั่วขณะ แล้วมืดลงไปเช่นเดิม


ห่วงความคิดมืดสนิท ไร้ซึ่งการได้ยินหรือรับรู้สิ่งใด


.


.


.


หนูฮันซี่นี่เราเดินตามหามาจนทั่วแล้วนะ เดินมาถึงนี่ยังหาไม่เจอเลย” สองหนุ่มสาวต่างวัยยืนอยู่บริเวณที่พักของคนงานและพ่อบ้านซึ่งในเวลานี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงนกนางแอ่นร้องเพลงและเสียงลมทะเลพัดโบกมาเท่านั้น แสงอาทิตย์ส่องทอลงมาท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจีใกล้ๆนี้ดูเบิกบานตาผู้ชมแต่สำหรับฮันซี่และท่านขายเอลวิน ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรนอกจากความกังวล ห่วงใย เคร่งเครียดและการลุ้นระทึกที่ไม่อาจจะคาดเดา รีไวล์ ไม่หนีแน่ค่ะ เขาไม่มีทางทำแบบนั้น” เด็กสาวยืนกราน ใบหน้าทะเล้นชโลมหยาดเหงื่อแฟงความเชื่อมั่น ทั้งที่พูดออกไปแบบนั้นแต่จริงๆในใจกลับหวั่นมากขึ้น


ไม่ว่าหาที่ไหนก็ไม่เจอ ไม่ได้ยินแม้กระทั่งแว่วเสียง....


อ้าว! คุณหนูฮันซี่ ท่านชายเอลวิน” เสียงทุ้มอ่อนโยนดังขึ้นจากด้านหลังของทั้งสอง  ดวงตาสองคู่หันควับไปมองด้วยความตกใจเล็กน้อย แต่ก็แอบผิดหวังเช่นกันที่ไม่ใช่รีไวล์เด็กหนุ่มที่ตามหา คุณเอิร์ธ มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลยนะคะ” “ตกใจหมดเลย” ทั้งสองคนตะแบงเสียงเล็กน้อย พลางมองใบหน้าอ่อนโยนของบอดี้การ์ดหนุ่มในชุดสูทสีดำประจำตำแหน่งหัวหน้า ก็..พอดีผมมาตรวจตระเวนรอบคฤหาสน์น่ะครับ...ผมเห็นคุณสองคนมายืนอยู่ตรงนี้นานแล้ว เห็นสีหน้าเคร่งเครียดกันจัง มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มถามพร้อมรอยยิ้มแห้งๆ โดยนิ้วมือที่สวมถุงมือสีดำยกขึ้นเกาแก้มเบาๆ  เออใช่ นายมาก็ดีแล้ว เห็นรีไวล์บ้างรึเปล่า..” เอลวินถามเสียงห้วน ท่าทีหยิ่งผยองของเจ้านายที่เป็นรื่องปกติ กลับทำให้ฮันซี่รู้สึกแปลกๆแทนเอิร์ธไปเลย


ท่านชายเอลวินทำสายตาน่ากลัวจัง คงยังไม่หายโกรธแน่ๆ

ชิอย่าบอกนะว่าที่แท้เอิร์ธเป็นคนพารีไวล์หนีออกจากบ้าน ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ คงหวังหนูเพทราไม่ใช่น้อยสินะ... ใฝ่สูงชะมัด


รังสีอึมครึมถ่ายทอดทางสายตาของชายวัยกลางคนแผ่เป็นวงกว้าง ทำเอาหัวหน้าบอดี้การ์ดหนุ่มรู้สึกเสียวหลังวาบแปลกๆ เหมือนว่าถูกเหน็บแนมทางสายตายังไงยังงั้น แต่ก็ยังพยายามยืดอกรับหน้าเจ้านายอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว  เอ๋ น..นายน้อยน่ะหรอครับ อืม...ตั้งเเต่เช้าผมก็ยังไม่เห็นเหมือนกันครับ” คำพูดปฏิเสธอย่างเป็นธรรมชาติของเอิร์ธ ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่กับคนที่มีอคติอย่างเอลวินแล้วมองว่าหลอกลวงชัดๆ บวกกับความรู้สึกเหม็นขี้หน้าบอดี้การ์ดหนุ่มคนนี้แล้วทำให้รู้สึกไม่เชื่อสุดๆ


นายโกหกรึเปล่าเนี่ย!!!..” เอลวินตะแบงเสียงหนักขึ้นไปอีก ชายกลางคนร่างใหญ่กำหมัดแน่นพร้อมกระแทกเท้าขวาแรงๆ แสดงถึงอารมณ์ที่สุดจะทน รู้ดีว่ารีไวล์สนิทกับหัวหน้าบอดี้การ์คนนี้เหมือนเพื่อนอีกคน บอกว่าไม่รู้อย่างนี้จะเป็นไปได้ยังไง ก็เห็นไปไหนไปกันทุกครา เป็นไปไม่ได้ถ้ารีไวล์จะออกไปนอกคฤหาสน์ตัวคนเดียว อุ๊ยท่านชายคะ ใจเย็นๆสิคะ” ฮันซี่อุทาน รีบห้ามปรามพร้อมรีบคว้ามีสากของเอลวินที่กำลังกำหมัดแน่น ทำท่าทีจะต่อยบอดี้การ์ดหนุ่มตรงหน้าได้อยู่แล้ว แต่เอิร์ธที่ยืนเหงื่อแตกพลักๆ ตั้งท่าเบี่ยงหน้าหลบหมัดหนักที่คาดเดาว่าคงได้ลิ้มลอง ถ้าหากคุณหนูฮันซี่ไม่ห้ามไว้เมื่อครู่วินาทีนี้คงหน้าบวมเป่งไปแล้ว


แอ๊ดดด...


เสียงของบานประตูไม้ถูกเปิดออกทางด้านหลัง ชักสายตาทั้งสามให้กระตุกหันมามอง ร่างเล็กของเด็กหนุ่มวัย 17 ปี ที่ตามหาได้มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า และหน้าประตูห้องพักของพ่อบ้านเอเลน เรือนผมสีนิลตัดรองทรงดูชี้ยุ่งไม่เป็นทรง ขอบตาคล้ำขึ้นเหมือนคนไม่ได้นอน เสื้อยืดสีขาวและกางเกงขายาวสีฟ้าหม่นในลักษณะที่ดูคับฟิต จนเห็นมัดกล้ามเด่นชัดออกมา แต่ชายเสื้อและกางเกงกลับดูยาวรุงรัง เหมือนไม่ใช่เสื้อผ้าของรีไวล์ที่ใส่ได้พอดี สายตาทั้งสามเลื่อนต่ำลงก็ถึงกับต้องตกใจอย่างสุดขีดเมื่อ เห็นอ้อมแขนของนายน้อยรีไวล์โอบอุ้มร่างสูงโปร่งบอบบางของพ่อบ้านเอเลน ซึ่งสภาพไม่ต่างกันเท่าไรนัก ใบหน้าหวานแดงก่ำพร้อมหายใจกระหืดกระหอบแปลกๆ ทำให้บุคคลทั้งสามตรงหน้านึกจินตนาการไปไกล


ที่แท้หามาเกือบครึ่งวันก็มาอยู่ในห้องนี้นี่เอง


มาทำอะไรกันตรงนี้เนี่ย...” เสียงทุ้มเรียบมองใบหน้าของทั้งสามคนที่กำลังอ้าปากค้างตาโต ตกตะตึงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าอย่างสุดขีด รีไวล์ขมุ่นคิ้วสงสัยเล็กน้อยอย่างไม่รู้สึกรู้สาถึงความคิดของทุกคนที่บรรยายเรื่องอย่างว่า ถลำลึกไปไกลเสียแล้ว หยุดทำหน้าแบบนั้นซักทีจะได้ไหม น่าขยะแขยงชะมัดเลย... ถอยไป ...ไม่เห็นรึไงว่าเอเลนไม่สบายอยู่” เมื่อพูดจบ ร่างเล็กก็เดินผ่านไปอย่างรีบร้อนโดยไม่ใยดีคนที่ยืนอึ้งอยู่ด้านหลัง .. สองหนุ่มหนึ่งสาวมองหน้ากันตาปริบๆโดยไม่พูดอะไร สีหน้าช็อกของกันและกันที่แค่มองตาก็รับรู้ได้ว่าคิดอะไรอยู่


ฮ... เฮ้!! รีไวล์รอเดี๋ยวสิ...” ฮันซี่ตะโกนไล่หลังรีไวล์ที่เดินกลับไปยังคฤหาสน์ด้วยความรีบร้อน  เธอหันมาสบตาท่านชายเอลวินและบอดี้การ์ดหนุ่มด้วยใบหน้าที่ชุ่มเม็ดเหงื่อ ใบหน้าทะเล้นจิ้มลิ้มนี้แสดงความรู้สึกอยากจะกรี๊ดระบายความอัดอั้นออกมาให้ดังๆ ทำให้บุรุษสองคนคล้อยตาม อยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆให้แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นเมื่อครู่เป็นความจริง ร่างสูงโปรงรีบสะบัดหน้าหันกลับแล้ววิ่งตามเพื่อนสนิทไปด้วยท่าทีรีบร้อนกระวนกระวายไม่แพ้กัน ทุกอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยคำใด สองสายตาที่ยืนอยู่ที่เดิมนั้นมองตามไปหญิงสาวที่วิ่งตามไปจนเข้าคฤหาสน์ไป...


นี่หรอ คนที่รีไวล์เลือก..” เสียงทุ้มแหบของชายวัยกลางคนหลุดปากออกมาอย่างแผ่วเบา บอดี้การ์ดหนุ่มชักสายตาหันกลับมามองหน้าเจ้านายที่ยืนค้างอยู่ข้างๆ ดวงตาสีฟ้าอ่อนโยนทอดมองเอลวินด้วยความฉงน กับคำพูดที่หลุดปากออกมา เอิร์ธยักคอเล็กน้อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าตัวเองก็ถึงกับอึ้งอยู่เช่นกัน เคยเห็นนายน้อยรีไวล์กับเอเลนส่งสายตาให้กันหลายต่อหลายครั้งก็พอเป็นที่คาดเดาได้ว่าทั้งสองแอบมีใจให้กัน  แต่ไม่นึกว่าจะเกินเลยมาถึงขนาดนี้


เกิดอะไรขึ้นกันนะ... ปกตินายน้อยรีไวล์เป็นคนที่มีความอดทนมาก ทำไมเมื่อคืนถึงได้ทำเรื่องเกินเลยลงไป


เอิร์ธคิดในใจด้วยความไม่รู้ ว่าเมื่อคืนวานในงานเลี้ยงนั้น สุดที่รักของตนเองก็ถูกประกาศเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ของคฤหาสน์นี้อย่างเป็นทางการเสียแล้ว เนื่องด้วยบอดี้การ์ดได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ตรวจตรารอบๆคฤหาสน์เพื่อความปลอดภัย จึงไม่ได้รับรู้อะไร ถึงตอนนั้นก็ยังแอบหวังว่าจะได้เจอหน้าคุณหนูเพทราสักครั้งก็หาไม่ ความหวังที่มีแสงริบหรี่ซึ่งใครๆก็ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ที่บอดี้การ์ดธรรมดาๆจะริหลงรักคุณหนูผู้เป็นดั่งดอกฟ้า แค่นี้ช่างสูงเกินจะเอื้อมคว้าอยู่แล้ว  ความพยามยามด้วยใจที่มุ่งมั่นเพื่อจะพลักดันตัวเองให้สูงส่งเทียบเท่า โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่า ดอกฟ้าที่ฝันใฝ่และเชื่อมั่นว่าสักวันจะต้องไขว่คว้าให้ได้นั้น ได้ถูกจับจองไว้แล้ว 


.


.


.


.


ร่างบางถูกวางลงบนเตียงนุ่มสีครีมที่ถูกถักทอด้วยผ้าชั้นดีจากฝรั่งเศส รีไวล์ยกฝ่ามือขึ้น ปาดเม็ดเหงื่อบนหน้าผากของเอเลนเบาๆอย่างอ่อนโยน ใบหน้าหวาแดงก่ำเนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นภายในร่างกาย ฉันขอโทษนะเอเลน เสียงทุ้มเอ่ยอย่างรู้สึกผิดกับร่างกายที่ไม่รับรู้อะไรของชายหนุ่มที่กำลังหลับใหล รีไวล์ชะโงกหน้าประทับรอยจูบบนหน้าผากที่มีรอยแผลเป็นจางๆที่ปกติถูกบดบังด้วยเรือนผมสีน้ำตาลสลวย


เมื่อคืนนายทำจริงๆสินะ...” หญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่หมดเรี่ยวแรง ดวงตาสีน้ำตาลหวานเยิ้มหลุบลงมองใบหน้าครึ่งซีกเด็กหนุ่มเพื่อนสนิทที่นั่งเฝ้าเอเลนอยู่บนขอบเตียง สีหน้าที่รู้สึกผิดของรีไวล์ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างลึกซ้ำถึงความรักที่มีต่อเอลน ซึ่งเธอนั้นก็เข้าใจมันดี ....” รีไวล์ไม่ตอบอะไร ได้แต่พยักหน้ารับเบาๆเท่านั้น ดวงตาสีเทาเรียวยาวที่เคยแข็งกร้าว ดุดันดั่งราชสีห์ ตอนนี้มันกลับกลายเป็น นุ่มนวล สุขุม อ่อนโยนกว่าแต่เก่า เพราะเอเลนทำให้เขาเปลี่ยนไป นี่ รีไวล์ถามอะไรหน่อยสิ...” คำพูดของเด็กสาวที่ดูหนักแน่นขึ้น ดึงให้ใบหน้าคมเข้มนั้นต้องหันกลับมามอง ฮันซี่พยายามกลืนน้ำลายเหนียวหนืดในลำคอที่ยากลำบากก่อนจะทำใจกล้าถามออกไป


เมื่อคืนนี้.... กี่ครั้งหรอ...


คำถามที่แสนจะเสียมารยาทเข้าถึงโสตประสาทของรีไวล์ เรียกสีแดงให้ขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาจางๆ ริมฝีปากหนาค่อยๆขยับตอบ ฉันนับไม่ได้...มันก็หลายครั้งซะจนนับไม่ถ้วนล่ะมั้ง...” ตอบด้วยน้ำเสียงที่ครุมเครือปนกับเขินอายเล็กน้อย ฮันซี่ได้ยินก็แทบจะร้องกรี๊ด บอกไม่ถูกกับความรู้สึกเมื่อได้ยินคำตอบนั้น ชักชวนให้เธอจินตนาการภาพบนเตียงที่สวยงามของทั้งสองคน มันสวยงาม จนรู้สึกได้ว่าใบหน้าร้อนผ่าวไปถึงใบหูเสียแล้ว เธอพยามยามเก็บอาการเพี้ยนๆของตัวเองเอาไว้ ฮันซี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆจนเต็มปอด ความรู้สึกเริ่มกลับมาเป็นปกติ


โอ๊ย!!! นายจะบ้าหรอ เอเลนไม่ใช่นายนะที่จะอึดถึกได้ขนาดนั้น!! ไข้ขึ้นก็ไม่แปลกแล้ว” ฮันซี่พูดโวยวายเสียงดัง พร้อมเปรยตามองรีไวล์ตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อผ้าแบบนี้ไม่ใช่ของรีไวล์แน่นอน ปกติเด็กหนุ่มชอบใส่เสื้อผ้าสีสว่างพอดีตัวและไม่ยาวรุงรังแบบนี้ ตั้งแต่เสื้อถึงกางเกง พอเข้าใจอยู่ว่าเป็นคนที่ตัวหนากล้ามเนื้อเยอะทำให้ดูฟิตไปบ้าง แต่ด้วยความยาวของตัวนั้นไม่มากนักทำให้ขากางกางกองแบะอยู่ที่ปลายเท้า


ที่ใส่อยู่เนี่ย... เสื้อของเอเลนใช่ไหม” ฮันซี่ถามทั้งที่สายตามองเปรียบเทียบเสื้อที่เอเลนใส่กับเสื้อที่รีไวล์ใส่อยู่ในตอนนี้ มองดูก็รู้ว่าไซส์เดียวกันไม่มีผิด “อืม...เสื้อของฉัน เอเลนฉีกขาดหมดแล้ว” สิ่งที่ตอบกลับมาทำให้จินตนาการของฮันซี่ย้อนหวนกลับมาอีกครั้ง น้ำลายในปากอิ่มแทบจะพุ่งทะลักออกมาเนื่องจากการกลั้นหัวเราะฉับพลัน


เฮ้อ.. จนได้เลยนะรีไวล์ เมื่อเช้าคริสต้าโทรมาบอกฉันแล้วล่ะเรื่องงานเลี้ยงเมื่อคืน” สตรีใส่แว่นถอนหายใจแรงๆ เธอทิ้งตัวนั่งลงบนปลายเตียงทั้งใบหน้าที่เบือนมาทางรีไวล์ แล้วนายจะทำยังไงต่อล่ะ งานแต่งงานจะเริ่มเดือนหน้าแล้วนี่” “ฉันจะไปบอกพ่อเรื่องของฉันกับเอเลน ไหนๆเรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แล้ว อีกอย่างเย็นวันนี้แม่คุณหนูนั่นกับพ่อของหล่อนก็มาที่นี่อีกนี่นะ ก็ดี... ฉันจะได้ถือโอกาสบอกความจริงไปเลย” รีไวล์เอ่ยเสียงเรียบสนิท ดวงตาสีเทาดูจริงจังจ้องเขม็งมาที่เธอ ทำเอาขนที่ต้นคอลุกชันไปถึงหัว เห!!... เอาจริงหรอรีไวล์” ฮันซี่เหงื่อแตกพลักๆ ไม่อยากจะนึกภาพตอนนั้นเลย มีหวังบ้านได้แตกเป็นเสี่ยงๆแน่ ท่านชายเอลวินคงไม่มีทางยอมให้รีไวล์ปฏิเสธง่ายๆ ถ้าเกิดเอาเรื่องนี้ไปบอกต่อหน้าท่านชายไนล์ตรงๆล่ะก็


คงได้ตัดเพื่อนตัดพ้องกันเลยทีเดียว...


“ ไม่ดีแน่แบบนี้... ฉันต้องไปบอกท่านอาร์มิน เขาต้องรับฟังแน่ๆ ก็เอเลนเป็นเพื่อนสนิทของเขานี่นา” สตรีใส่แว่นพูดในใจพลางจับคางครุ่นคิด มีคนๆหนึ่งที่พึ่งพาได้ตลอดเวลาโดยเฉพาะเรื่องการตัดสินใจแบบนี้ ท่านอาร์มินจะต้องเลือกทางที่ดีที่สุดได้แน่ ใช่ ต้องบอกเรื่องนี้กับท่านอาร์มิน รีไวล์คงไม่ว่าอะไร ก็ในเมื่อตั้งใจจะบอกความจริงอยู่แล้ว ยังไงท่านอาร์มินก็ต้องรู้ เพราะงั้น....


งั้นฉันขอตัวก่อนนะรีไวล์ เฝ้าเอเลนไปล่ะสตรีร่างสูงยืนขึ้นพร้อมหันมาบอกกับรีไวล์เสียงแผ่วๆก่อนจะเดินออกไปจากห้อง.. ฮันซี่เริ่มคิดคำพูดอยู่ในใจ ว่าจะบอกกับท่านอาร์มินยังไงดี เธอบรรจงเดินขึ้นบันไดไป พลางนึกถึงสิ่งที่พี่ชายพูดก่อนที่เธอจะนั่งรถออกมาจากคฤหาสน์ที่เมืองมาเรียบ้านของเธอ

น...น้อง... ไม่รู้สิ บางครั้งเขาก็อาจจะไม่ได้คิดอะไรกับน้องก็ได้ น้องก็คงรักเขาข้างเดียวล่ะ คนที่ดีกว่าน้อง ทั้งน่ารัก เรียบร้อยสุภาพกว่าน้องมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ดูท่าทางว่าเขาจะเข้ากันได้ดี ถ้าเขาจะเลือกระหว่างน้องกับเธอคนนั้น ก็คง..

ว๊าเสียดายจังเลยนะ

เหคุณพี่กุนเธอร์ เสียดายอะไรน่ะ

ก็เสียดายความเข้มแข็งที่น้องฮันซี่ที่เคยมีน่ะสิ พี่รู้นะว่าน้องชอบเขามาก เมื่อเห็นใครเข้าใกล้มันก็ต้องมีหึงหวงแล้วก็น้อยใจเป็นธรรมดา

แต่สายตาของเขาทั้งสอง…”

น้องคิดไปเอง…”

น้องเนี่ยนะ คิดไปเอง คุณพี่กุนเธอร์รู้ได้ยังไง” สตรีใส่แว่นขมุ่นคิ้วสงสัย ทั้งๆที่พี่กุนเธอร์ไม่ใช่ท่านอาร์มินหรืออยู่ในเหตุการณ์นั้นสักหน่อย เธอรู้สึกไม่เชื่อแลเริ่มฉุนนิดๆ ที่พี่ชายกำลังเล่นตลกกับเธอโดยที่ไม่รู้เวล่ำเวลาแบบนี้

รู้สิ พี่ก็เคยมีประสบการณ์นะ ผู้หญิงน่ะเป็นแบบนี้แทบทุกคนเลย.. ชอบคิดไปเอง ทั้งๆที่จริงๆแล้วอีกฝ่ายยังไม่ได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำว่าคิดยังไง.. จริงๆแล้วเขาอาจจะชอบน้องเช่นกันก็ได้” คำพูดเรียกสีแดงบนใบหน้าของหญิงสาวให้เด่นชัดขึ้น ใบหน้าสะสวยร้อนผ่าวด้วยความเขินอาย แต่ก็แอบเผื่อใจไว้ว่ามันอาจจะไม่เป็นอย่างงั้นก็ได้ ไม่มีใครคาดเดาสิ่งที่อยู่ในใจคนได้แม่นขนาดนั้น ถึงจะเพศเดียวกันก็เถอะ

ลองไปบอกเขาดูสิว่าน้องคิดยังไง บางทีเขาอาจจะบอกความรู้สึกเขาเขาให้น้องรู้ด้วยก็ได้ ถ้าเกิดว่าใจตรงกันมันก็ดีไม่ใช่หรอ

ห..ห๊า!! คุณพี่ เอาจริงหรอเนี่ย ถ้าเกิดเขาปฏิเสธล่ะ ล..แล้ว.. น้องก็เป็นผู้หญิงนะ จะบอกรักผู้ชายก่อนมันจะดีหรอ..

            “ฮะๆๆๆ อะไรกันฮันซี่น้องพี่ ปกติไม่เคยนึกถึงเส้นขั้นระหว่างเพศเลยนี่ ไหนเคยบอกว่าผู้หญิงกับผู้ชายก็ไม่ต่างกันไม่ใช่หรอ” กุนเธอร์ถามย้อน ทำเอาฮันซี่ถึงกับต้องย้อนนึกว่าเคยพูดไปเมื่อนานมาแล้ว จริงอยู่ที่เธอเคยคิดแบบนั้น ตอนนี้ก็เหมือนกัน แต่ที่พูดไปแบบนั้นเพื่อจะปฏิเสธการชักชวนของพี่ชาย แต่ก็ไม่ได้สำเร็จ เธอเริ่มรู้สึกกล้าๆกลัวๆขึ้นมาทั้งหัวใจสั่นคลอนและโลเล

            เถอะน่า ถึงเขาจะปฏิเสธมาอย่างน้อยน้องก็ยังได้ความสบายใจนะ พี่ไม่อยากเห็นน้องของพี่มานั่งอมทุกข์เศร้าสร้อยแบบนี้ ไม่เหมือนฮันซี่น้องสาวจอมแก่นของพี่เลยนะ ท่านอาร์มินเป็นคนดี ถ้าเขาปฏิเสธมาก็ไม่มีทางที่เขาจะทำตัวห่างเหินกับน้องแน่นอน พี่ยืนยันเลย

พี่ชายแสนใจดีพูดให้กำลังใจน้องสาวที่ทำหน้าจ๋อย มือแกร่งยกขึ้นตบบ่าน้องสาวสุดที่รักแล้วเดินสวนจากไป ฉันต้องไปบอกเขา วันนี้เท่านั้น” ทุกอย่างที่พี่ชายพูดมาคือความจริงทั้งหมด เธออาจจะคิดไปเอง เพราะเธอไม่มั่นใจในเสน่ห์เฉพาะตัวที่มีอยู่ ทำให้ต้องมานั่งเศร้าแบบนี้ ไม่มีอีกแล้วฮันซี่คนนี้ คนที่อ่อนแอไม่เชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ใช่ฉันอีกต่อไป...


.


.


.


รีไวล์นั่งมองใบหน้าหวานของเอเลนมาพักใหญ่ๆแล้ว ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาเลย พลางหลังมือแกร่งนั้นยกขึ้นทาบหน้าผากของเอเลนอยู่เป็นช่วงๆเพื่อตรวจอุณหภูมิว่าลดลงบ้างหรือไม่ แต่เท่าที่พบก็มีแต่จะยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เอเลน.. ฉัน รักนายนะ.... รักนายคนเดียว อย่าเป็นไปอะไรนะ” เทียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบาด้วยสีหน้าเรียบเฉยที่แฝงห่วงใย นึกขึ้นได้ว่าในตู้พยาบาลมียาลดไข้อยู่ รีไวล์คิดในใจว่าหากเอเลนตื่นขึ้นมา กินยาสักหน่อยก็คงจะดีขึ้น ร่างกำยำลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ใบหน้าคมเข้มโน้มลงประกบจุมพิศที่หน้าผากแล้วเอ่ยกระซิบอย่างแผ่วเบาทิ้งท้ายก่อนเดินออกไปจากห้อง “รอฉัน ...อยู่ที่นี่นะ


.


.


.


.


หญิงสาวในชุดแม่บ้านเดินอยู่หลังครัวด้วยสีหน้าวาวโรจน์ ใบหน้าสวยล้อมเรือนผมสีนิลยาวคลอเคลียหอระหง ประดับดวงตาสีนิลที่แฝงโทสะ ชิ!เอเลนหายไปไหนนะ” มิคาสะพูดเสียงจิ๊จ๊ะด้วยความหงุดหงิด เมื่อคืนนี้ หลังจากทำภารกิจนองเลือดสำเร็จ พอกลับมาถึงในงานก็พบว่างานเลี้ยงเลิกราไปเสียแล้ว พวกผู้ดีตีนแดงทั้งหลายต่างก็แยกย้ายกลับคฤหาสน์กันไป รวมถึงเด็กสาวผู้พบเห็นเธอทำเรื่องบัดสีนองเลือดในที่ลับก็กลับไปเสียแล้ว ยังไม่พอ ไม่เห็นเอเลนอยู่ในงานด้วยนี่สิ แล้วยังต้องคอยนั่งช่วยแม่บ้านคนอื่นเก็บงานจนดึกดื่นแทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอน โดยเฉพาะเธอที่ทำงานหนักกว่าคนอื่น พอถึงเตียงนอนก็หลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทราไปด้วยความเหนื่อยล้า เรี่ยวแรงที่ใช้ไปทั้งหมดในคืนวานบวกกับความเหน็ดเหนื่อยทำให้เธอหลับยาวจนเกือบถึงเที่ยงวัน หลักฐานที่อยู่ในสวนหย่อมนั่นยังไม่ได้ถูกทำลาย ยังถูกยัดซุกซ่อนในพุ่มไม้ที่รกรังอยู่อย่างเดิม ถ้ามีคนไปเห็นศพเข้าจะทำยังไงล่ะเนี่ยมิคาสะกังวลใจแต่ก็พยายามปลอบใจตัวเองว่าไม่น่าจะมีคนมาเห็น เพราะวันนี้ไม่ได้มีแขกพิเศษมาเยี่ยมชมคฤหาสน์ไม่น่าจะมีใครเข้าไป ถ้าออกไปจัดการศพตอนกลางวันแสกๆนี้จะน่าสงสัยเข้าไปใหญ่ พ่อบ้านต่างก็หายกันไปหมด สองคนตายอีกคนหาย เหลือเพียงเธอคนเดียว ถ้าท่านชายไม่เห็นใครอยู่เป็นต้องมีเรื่องแน่ๆ สิ่งที่เธอต้องทำในตอนนี้คือ ตามหาเอเลน


หญิงสาวหันหลังเดินกลับไปที่ห้องพักของคนงานอย่างรีบร้อนเพื่อเรียกเอเลน บางทีอาจจะหลับอยู่ในห้อง เพื่อว่าอย่างน้อยถ้าเอเลนมาทำงานบังหน้าอยู่ เธอจะได้แอบออกไปจัดการภารกิจลับได้สะดวกขึ้นหน่อย


ก๊อก ....ก๊อก เอเลนอยู่รึเปล่า นี่ฉันเองนะ


เธอเคาะประตูไปพลางตะโกนเรียกไป ไม่มีสิ่งตอบกลับมานอกจากความเงียบงัน เสียงนกน้อยร้องจิ๊บๆน่ารำคาญนี้เป็นดั่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยเธอ ทำให้หญิงสาวยิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีก มิคาสะเคาะประตูไปอีกหลายครั้งก็ไม่มีเสียงตอบ บางทีเอเลนอาจจะไม่อยู่ในห้อง คงไม่เป็นไรถ้าเธอจะถือวิสาสะเข้าไปดูในห้องหลังจากไม่เคยเข้าไปสำรวจห้องเอเลนมาเป็นเวลาหลายปี


แอ๊ดดด....


มือเรียวจับลูกบิดประตูแล้วดันเข้าไปอย่างช้าๆ ดวงตาสีนิลกวาดไปรอบห้องๆ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกแปลกๆ กลิ่นไอประหลาดลอยปะทะจมูกของเธอ กลิ่นหอมคลุมเครือที่มีกลิ่นของชากาแฟปนอยู่ไม่ใช่กลิ่นของเอเลนนี่” กลิ่นคุ้นจมูกที่เธอนึกไม่ออก มิคาสะขมุ่นคิ้วสงสัย เธอเดินนวยนาดเข้าไปในห้องของเอเลน ผ้าห่มไม่ได้ถูกพับเก็บ หมอนมุ้งวางสะเปะสะปะผิดที่ผิดทาง ไม่ใช้ลักษณะของเอเลนเลย ที่ปกติจะจัดเก็บห้องก่อนออกไปทำงานทุกครั้ง วันนี้แปลก ห้องค่อนข้างรกและมีร่องรอยที่ยับยู่ยี่ของผ้าปูที่นอนที่เหมือนผ่านมรสุมบางอย่างมาหมาดๆ มือเรียวหยิบผ้าห่มยกขึ้นมาดูใกล้ๆ ผ้าห่มสีขาวนุ่มนิ่มสะอาดสะอ้าน ดวงตาสีนิลเพ่งมองบางอย่างที่ติดอยู่ที่ผ้าห่มสีสว่าง อะไรเนี่ย เส้นผม!!” มิคาสะเอ่ยหนักด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ เส้นผมนี่ ไม่ใช่เส้นผมของเอเลน เส้นผมสีดำสั้นมันเงา มิคาสะหยิบเส้นผมเส้นเล็กมามองใกล้ๆ  


ไอ้บ้านั่นเป็นใคร!!....” เธอสบถสั้นๆ พร้อมโยนเส้นผมสีดำนั่นลงพื้นแล้วบรรจงใช้เท้าบดขยี้มันแรงๆด้วยความเคืองขุ่นใจ  จากนั้นเธอจึงเดินต่อไปหยุดตรงปลายเตียง ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรติดเท้าเธอ ความรู้สึกลื่นหนืดน่าขยะแขยงทำให้โหนกแก้มเธอกระตุกเล็กน้อย ของเหลวที่ติดเท้านี่อะไร? เธอยกขาข้างที่เหยียบเส้นผมเมื่อครู่ขึ้นมาดู เป็นเมือกสีขุ่นเหนียวลื่น มิคาสะผงะกับสิ่งที่ได้เห็น ตามสัญชาติญาณที่ผ่านชีวิตมา 25 ปี เธอจึงบอกได้เลยว่ามันเป็นน้ำรักของบุรุษ จากอารมณ์โกรธเคืองเมื่อครู่กลายเป็นหมั่นไส้ปนความเกรี้ยวกราดเกินจะบรรยาย หัวใจเหมือนกำลังถูกบีบเค้น รู้สึกสึกอัดอั้นอย่างสุดๆจนอยากจะซอยเท้าถี่ๆระบายอารมณ์นั้นออกมา เธอเดินเขย่งเท้าไปที่พรมเช็ดเท้าแล้วถูมันออกจนหนังกำพร้าแทบจะถลอก ขยะแขยงที่สุด” มิคาสะสบถคำเกรี้ยวกราดพร้อมขบฟันแน่น ขณะที่เธอกำลังใช้เท้าถูกับพรมเช็ดเท้าสากๆอยู่นั้น สายตาก็สะดุดเข้ากับ เศษผ้าที่ถูกฉีกขาดข้างเตียงนอนอีกฝั่ง เป็นผ้าสีดำเนื้อดี เธอกระตุกมือหยิบมันขึ้นมาดู กลิ่นนั้นเหมือนกับกลิ่นของเศษเสื้อที่ขาดนี่ไม่มีผิด” เธอสูดดมกลิ่นของเศษเสื้อผ้านั่นใกล้ๆก็พบว่าคือเสื้อของเจ้าของกลิ่นประหลาดนั่นจริงๆ เธอสำรวจเศษเสื้อผ้าที่ฉีกขาดนั่นอย่างละเอียด จากลักษณะที่ดูๆแล้วบอกได้อย่างไม่ต้องคิดว่าราคาแพงไม่ใช่เล่น


!!!!


มิคาสะอ้าปากค้าง หลังจากที่พลิกเสื้อสีดำไปมาก็พบตัวอักษรจางๆที่คอเสื้อ มันถูกปักด้วยด้ายสีน้ำตาลเข้มแสดงความเป็นเจ้าของเสื้อด้วยอักขระบรรจงว่า...“Levi” รอยสลักที่เหมือนถูกสั่งทำพิเศษโดยเฉพาะ ชื่อของเจ้าของเสื้อตัวนี้ทำให้เธอเผลอฉีกกระชากเสื้อจนขาดซ้ำอีก มิคาสะตาแดงก่ำด้วยความโกรธ โกรธมากจนไม่อาจจะบรรยายได้ หัวใจแตกสลายแล้วเหมือนถูกเหยียบซ้ำจนแหลกเหลว คิ้วบางแทบจะชนกันทำให้เนื้อที่อยู่ระหว่างคิ้วทั้งสองยู่ย่น หญิงสาวตัวสั่นระริกรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเปลี้ยลง ความเคียดแค้นกำลังกัดกินเธอจนไม่เหลือชิ้นดี เธอกำเศษผ้านั้นแน่นจนยับ ดวงตาสีนิลจ้องเขม็งอย่างไม่วางตา ไอ้เด็กบ้า!! แกคิดจะมาพรากเอเลนไปจากฉันงั้นหรอ!! แก.. แกเอาความบริสุทธิ์ของเอเลนคืนมานะ!! เอาสิ่งที่มันควรจะเป็นของฉันคืนมา!!!!” มิคาสะตะโกนคำรามเสียงดังไม่ต่างกับสมิงร้ายที่กำลังพิโรธ เธอกรีดร้องออกมาเสียงดัง มือเรียวที่หงิกเกร็งยีเรือนผมสีดำจนชี้ยุ่ง ระบายความรู้สึกปวดร้าวที่กัดกินหัวใจของเธอนั้นให้ออกไป ในตอนนี้เธอถูกสิ่งนั้นเข้าครอบงำเสียแล้ว ความอิจฉาริษยา ความหึงหวง ความโกรธเกรี้ยว ความเคียดแค้น และความกลัวเข้าชโลมหัวใจที่อ่อนแอ สิ่งที่ได้รับรู้นั้นช่างเลวร้ายเกินจะรับได้


.


.


.


.


เวลานี้มิคาสะค่อยๆสงบลงหลังจากผ่านไป 15 นาที ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองเพดานพร้อมลมหายใจหอบกระหืดแล้วตอนนี้เอเลนอยู่ที่ไหน?” มิคาสะถามตัวเองในใจ  ที่เธอมาที่นี่เพื่อมาหาเอเลน แต่ทว่าพอมาถึงก็ทำให้เธอได้รู้ความจริงที่แสนเลวร้าย ถ้าเมื่อคืนนี้ไอ้เด็กบ้านั่นมาหาเอเลน ...แล้วเช้านี่เอเลนก็หายตัวไปทั้งที่นอนหมอนมุ้งไม่ได้ถูกเก็บเรียบร้อย เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งถึงสถานที่ต่อไปที่รีไวล์จะพาเอเลนไปเริงรักต่อ ที่ไหนกัน คิดสิ..คิดสิ” ทันใดนั้นเองเธอก็นึกออก ว่าอาจจะเป็นห้องของรีไวล์ที่อยู่บนชั้นที่สามของคฤหาสน์


ใช่แล้วต้องเป็นที่นั่นแน่ๆ


มิคาสะไม่รอช้ารีบบึ่งตรงไปยังห้องนอนชั้นสามทันที ระยะทางเดินก็ไม่ห่างไม่ไกลนัก ใบหน้าสวยขุ่นเคืองช้อนมองหน้าต่างในห้องนั้นจากด้านหลังคฤหาสน์ทั้งสายตาเยือกเย็นแฝงอัมหิตก่อนจะเดินกระแทกฝีเท้าเข้าคฤหาสน์ไป


เอเลน รอก่อนนะฉันจะไปเอาเธอออกมาจากไอ้เด็กบ้าน่ารังเกียจนั่น เธอคงทรมานมากเลยสินะที่ถูกขืนใจ ฉันจะช่วยเธอเอง ในเมื่อความบริสุทธิ์ของเธอถูกพรากไป ฉันคนนี้แหละที่จะชำระมันให้เอง


TBC

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น