Position
Part #8
เด็กสาวบนเตียงนอนลืมตาขึ้นช้าๆ... ทุกสิ่งทุกอย่างพร่ามัวและเชื่องช้า...เธอกวาดสายตาไปรอบๆห้อง ดวงตาสีน้ำตาลสะดุดเข้ากับร่างใหญ่ที่นอนฝุบอยู่ข้างขอบเตียงของเธอ “คุณพ่อ.... คุณพ่อคะ...” เพทราใช้แขนอรชรดันร่างกายบอบบางให้ลุกขึ้นนั่งแล้วเอ่ยเรียกบิดาเป็นระยะๆจนกระทั่งผู้เป็นพ่อสะดุ้งตื่น... ตาคู่คมของไนล์กระพริบถี่ๆเพื่อปรับม่านตาให้เข้ากันแสงสว่างของห้อง ...เพทราสังเกตเห็นว่าดวงตาของผู้เป็นพ่อบวมแดงและมีคราบน้ำตาจางๆ...ไนล์สะบัดหัวเบาๆ เมื่อคืนเขามัวแต่นั่งเฝ้าลูกสาวทั้งคืนจนแทบจะไม่ได้นอน...
“เพทรา...” ไนล์พูดพลางมองใบหน้าของเด็กสาวที่นั่งอยู่ พลางนึกย้อนกลับไปเมื่อคืนวาน...ทำให้น้ำตาของลูกผู้ชายเริ่มไหลปริ่มๆ.. “ เพทรา...เมื่อคืนลูกทำอะไรลงไป... ถ้าลูกจากไปแล้วพ่อจะอยู่ยังไง ...ทำไมต้องทำเรื่องแบบนี้...ความหวังดีของพ่อ ทำไมลูกถึงปฏิเสธมัน..” ไนล์รำพึงรำพันโดยกุมมือของเพทราเอาไว้...น้ำตาของผู้เป็นพ่อไหลเป็นสาย...หยดลงเบาหลังมือเรียวของเพทราในตอนนี้เธอกำลังรู้สึกผิด...เธอทำให้ผู้ที่ให้กำเนิดเธอร้องไห้...รู้สึกผิดเหลือเกิน เธอนึกถึงสิ่งที่ได้ทำลงไป...และชายหนุ่มที่มาช่วยเธอไว้...หากว่าเขาไม่มาช่วยเธอ ในตอนนี้เธอคงไม่ได้รับรู้ความเสียใจของบิดา
เพราะความเห็นแก่ตัวของฉันแท้ๆ...
เพทราโทษตัวเอง ทาความเห็นแก่ตัวของตัวเองที่คิดจะหนีปัญหา โดยไม่นึกถึงผลที่จะตามมา ไม่นึกถึงคุณพ่อว่าท่านจะเสียใจแค่ไหน...ถ้าท่านป่วยแล้วใครจะดูแลท่าน แล้วเธอก็เป็นลูกคนเดียว ..ยิ่งคิดก็เหมือนยิ่งตอกย้ำ.. “ลูกขอโทษค่ะ..คุณพ่อ” เธอพลางมองดวงตาของผู้เป็นพ่อที่ชโลมไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ริมฝีปากบางอวบอิ่มเม้มแน่น...พลางตอกย้ำตัวเองว่าทำอะไรลงไป...
“พ่อขอร้อง..เพทรา...แต่งงานกับนายน้อยรีไวล์เถอะลูก...เชื่อพ่อสิ..ลูกมีโอกาสได้แต่งงานกับคนดีๆ คนที่ให้ลูกได้ทุกอย่างอย่างนายน้อยรีไวล์...นะ เพทรา ทำเพื่อพ่อได้ไหม...” ดวงตาสีเทาของไนล์จ้องใบหน้าสะสวยของลูกสาวด้วยสีหน้าอ้อนวอนพร้อมน้ำตา... “ค่ะ...ลูกจะแต่งงานกับเขาก็ได้ค่ะ..” เพทราพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มจางๆ เธอตอบโดยไม่ลังเล เธอไม่คิดที่จะปฏิเสธ เห็นคุณพ่อขอร้องทั้งน้ำตาแบบนี้ เธอปฏิเสธไม่ลงหรอก... ถึงจะต้องกล้ำกลืนฝืนทน ไปเป็นสะใภ้ของคฤหาสน์ชิกันชิน่าโดยที่ไม่เต็มใจ แต่เธอก็ไม่มีทางเลือก..เธอหนีไม่ได้อีกแล้ว...
ทันทีที่ไนล์ได้ยินคำตอบของลูกสาว...เขาก็ดีใจจนบอกไม่ถูก..ร่างใหญ่โผเข้ากอดบุตรสาว “จริงหรอลูก!!..พ่อขอบใจนะ..ขอบใจจริงๆ” เสียงทุ้มกล่าวขอบใจลูกสาวทั้งน้ำตา ในใจของไนล์ตอนนี้เขามีความสุขมาก...เมื่อได้ยินว่าลูกสาวจะแต่งงานกับผู้ชายที่เลือกให้ แต่นั้นก็เป็นเพียงแค่ลึกๆเท่านั้น ความจริงแล้วเขากำลังนึกถึงชื่อเสียงและเงินทองที่กำลังโปรยมาให้ เมื่อใดที่บุตรสาวแต่งงาน ชื่อเสียงของคฤหาสน์มาเรียคงได้ลือลั่นไปทั่ว เศรษฐกิจจะดีขึ้นมากโข..ต่างประเทศจะต้องเข้ามาติดต่อค้าขายกันเป็นว่าเล่น..นึกถึงความสุขที่จะได้รับในอีกไม่นานนี้ก็แทบจะอดใจไม่ไหว ยิ่งอยากให้จัดงานแต่งงานเร็วขึ้นไปอีก
“ค่ำนี้ ท่านชายเอลวินจะจัดงานฉลอง เป็นการต้อนรับการมาเยือนของเราสองคน เพราะฉะนั้นลูกก็ควรจะเตรียมตัวได้แล้ว อีก 8 ชั่วโมงเราจะไปที่คฤหาสน์ชิกันชิน่า...” ไนล์บอกกับเพทราด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พลางมองไปที่นาฬิกาบนฝาผนังห้องซึ่งบอกเวลา 10.25 น. เด็กสาวร่างเล็กพยักหน้ารับ..แล้วเดินผ่านผู้เป็นพ่อออกไปจากห้อง..ชายวันกลางคนปรายตามองแผนหลังของบุตรสาวที่เดินออกไปโดยไม่รู้เลยว่า..อีกด้านหนึ่งของเพทรากำลังร้องไห้ น้ำตาไหลรินอาบแก้ม ผมสีน้ำตาลออกส้มยาวคลอเคลียคอระหงปรกใบหน้าสวย... มือเรียวพยายามปาดน้ำตา..พยายามกลั้นตาน้ำเอาไว้...
ทำไม...ฉันถึงร้องไห้ล่ะ? ฉันควรจะดีใจสิ ฉันกำลังจะแต่งงาน จะได้มีครอบครัว ฉันกำลังจะมีความสุขนี่ แต่..ทำไมฉันรู้สึกไม่ดีใจเลย กับการที่จะได้รับมัน....
.
.
.
.
“เฮ้ย! เอเลน แกเห็นโคนี่บ้างไหมวะ ฉันไม่เห็นมันตั้งแต่เช้าแล้วว่ะ..” เสียงทุ้มของพ่อบ้านหนุ่มผมสีอ่อนถามพ่อบ้านเพื่อนร่วมงานพลางปอกเปลือกมันฝรั่งไปด้วย...แจนเบือนสายตามองแผ่นหลังของเอเลนซึ่งกำลังหั่นแตงกวาอยู่ด้านหน้า... “ไม่รู้....” เอเลนตอบกระแทกเสียง ด้วยความหมั่นไส้แจน ที่ซ้อมตัวซะจนกระอักเลือด “หึ!ไ อ้แจน ทำกับฉันไว้แสบนัก ฉันไม่ทางญาติดีกับแกได้ง่ายๆหรอก ไอ้โล้นเพื่อนแกก็ด้วย มันจะไปไหนก็เรื่องของมันสิฟะ ไม่เกี่ยวกับฉันนี่!!”เอเลนคิดในใจ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกอารมณ์เสีย...ดวงตาสีเขียวมรกตกลมโตมองแตงกว่าบนเขียงเป็นหน้าของเพื่อนร่วมงานหน้าม้าก่อนจะลงมือสับแตงกว่าถี่ๆเสียงดับฉับๆๆ
เสียงหวานไพเราะของเอเลนในตอนนี้กลับกลายเป็นน้ำเสียงที่ช่างกวนบาทาของแจนเสียเหลือเกิน...บวกกับท่าทีการสับแตงกว่าเสียงดังแสดงการประชดประชัน น่าหมั่นไส้ซะจนอย่างจะเขวี้ยงมีดที่อยู่ในมือไปหา
ฮึ่ยยย! ไอ้เจ้าบ้าเอเลน แกอยากจะโดนฉันเตะอีกชุดใช่ไหม!!
แจนพยายามข่มใจ...ในห้องครัวถ้าหากมีเรื่องคงได้รู้กันทั่วแน่ๆคงไม่เหมือนในห้องใต้ดินแน่นอน...ปอกมันฝรั่งไปก็พลางคิดไป...ตั้งแต่เมื่อคืนวาน ครั้งสุดท้ายที่ได้เจอโคนี่ก็คือตอนที่แยกตัวไปเข้าห้องน้ำ ส่วนตัวเอง..หลังจากขึ้นไปถึงห้องก็กระโดดขึ้นเตียงแล้วก็หลับไปเลย...ตื่นมาตอนเช้าก็ไม่เจอโคนี่ ดูจากที่นอน ก็ถูกจัดเก็บเรียบร้อยเหมือนเดิม แต่ก็คิดว่าโคนี่คงจะออกไปทำงานก่อนตั้งแต่เช้าก็เลยไม่ได้เอะใจอะไร แต่นี่ก็เที่ยงกว่าๆแล้วก็ยังไม่เห็นหัวเกรียนๆของโคนี่โผล่มาเลยแม้แต่เงา ก็เริ่มรู้สึกว่ามันแหม่งๆยังไงไม่รู้
ช่างเถอะ..เดี๋ยวหมอนั่นก็กลับมาเองล่ะมั้ง...
เอเลนใช้มีดคว้านแตงกวาที่หั่นเป็นแว่นๆใส่จานกระเบื้องสีขาวแล้ววางไว้บนโต๊ะ ร่างบางเดินกระแทกฝีเท้าด้วยอารมณ์หงุดหงิด มือเรียวคว้าหยิบแก้วน้ำสตอเบอร์รี่ปั่นในตู้เย็นที่ทำเตรียมไว้เมื่อชั่วโมงที่แล้วออกมา เป็นแก้วใสทรงสูงมีน้ำปั่นสีชมพูและไอเย็นลอยขึ้นเล็กน้อย... เอเลนเดินขึ้นไปที่ห้องของนายน้อยที่ไวล์พร้อมแก้วน้ำปั่นในมือ...
.
.
ก๊อก! ก็อก!
เอเลนเคาะประตูแล้วรอเสียงตอบรับจากคนในห้อง แต่สิ่งที่ตอบกลับมาก็คือความเงียบ...เอเลนเคาะประตูครั้งที่สองแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาเหมือนเดิม... “นายน้อยไม่อยู่...ไปไหนของเขานะ..” เอเลนพึมพำเบาๆก่อนจะกลับหลังหันเดินกลับไป แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขา..
!!!!
เขารู้สึกได้ว่าริมฝีปากของตัวเองสัมผัสกับอะไรบางอย่าง ดวงตาสีมรกตเลื่อนลงมาด้านล่างก็ได้รู้ว่าริมฝีปากของตัวเองประกบเข้ากับสันจมูกโด่งของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ เอเลนตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ รีบผละตัวออกห่างจากเด็กหนุ่มทันที มือเรียวรีบยกขึ้นปิดปากรวมทั้งใบหน้าแดงก่ำ “น...นายน้อยครับ!!! ทีหลังจะโผล่มา ก... ก็ให้ซุ่มให้เสียงกันบ้างสิครับ!!!” เอเลนพูดตะกุกตะกักด้วยความเขินปนกับตกใจ “อา..โทษที...” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆ ด้วยส่วนสูงที่แตกต่างทำให้ระดับปากกับจมูกของทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน ทั้งๆที่จริงๆแล้วที่รีไวล์คะเนเอาไว้ก็คือ ระดับปาก
“ชิ! พลาดซะงั้น รู้แบบนี้เขย่งหน่อยคงถึงพอดี” รีไวล์บ่นในใจ เผลอระเริงใจคิดว่าสูงขึ้นแล้วแท้ๆ แต่ไม่ซักนิด แทนที่จะได้เห็นเอเลนเขินมากกว่านี้แท้ๆ พอพลาดก็ดันกลับรู้สึกสมเพชส่วนสูงของตัวเองยังไงไม่รู้ ทั้งๆที่พ่อตัวใหญ่อย่างกับยักกับมารแท้ๆ ดันไปได้ส่วนสูงของแม่มาซะยังงั้น สวรรค์ลงโทษจริงๆ.... “แล้วนายมาหาฉันมีอะไร...” รีไวล์ยืนกอดอกถาม...
เอเลนสูดหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อลดอาการประหม่าเมื่อครู่.... “ผมเอามาให้นายน้อยครับ...ผมคิดว่านายน้อยคงจะต้องการก็เลย...” เอเลนพูดรวบคำ ทำเอาคนตรงหน้าถึงกับตาโต... “อะไรนะ...เอเลนเสนอตัวให้ฉันถึงที่เลยงั้นหรอ...” รีไวล์คิดในใจ... สิ่งที่เอเลนพูดเมื่อครู่..ทำให้เขารู้สึกคึกคักขึ้นมาทันทีทันใด โดยไม่สังเกตให้ดี บวกกับท่าทางของของพ่อบ้านหนุ่มที่ดูเหมือนจะเขินอายเล็กน้อย
ในที่สุดสิ่งที่ใฝ่ฝันมานานก็มาถึง... ในที่สุดก็จะได้เชยชมคนที่แอบหลงรักมาแสนนานอย่างเอเลน....
“เอเลน...นี่มันกลางวันแสกๆนะ...” ถึงนายน้อยรีไวล์จะพูดออกไปแบบนั้น แต่ร่างเล็กกำยำ ก็เดินเข้าใกล้เอเลนทีละนิด ทีละนิด... ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกตกใจถอยหนีทีละนิดๆเช่นกัน...จนกระทั่งไม่สามารถถอยหนีได้อีก เพราะแผ่นหลังบอบบางได้ชนเข้ากับผนังห้องข้างประตูเสียแล้ว....แผ่นอกกว้างของเด็กหนุ่มร่างเล็กเบียดแนบกับร่างสูงโปร่งของเอเลน..
ใกล้มากจนได้ยินเสียงลมหายใจ...
“น...นายน้อยจะทำอะไรครับ...” เอเลนถามโดยที่ใบหน้าแดงระรื่นขึ้นเรื่อยๆ เพราะเด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าคมเข้าพ่นลมหายใจรดต้นคอ... ร่างกายร้อนวูบวาบ อุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะเป็นลมได้ มือแกร่งเริ่มลูบไล้ไปตามเรือนร่างของชายหนุ่มหน้าหวานที่กำลังเม้มปากแน่น...อยากจะพูดว่าอย่าแต่มันก็ช่างยากเหลือเกิน... “นายรู้ไหมว่าฉันรอมานานมากเลยนะ... ฉันดีใจ ที่นายยอมรับรักฉัน...” เอเลนถึงกับตาโต...เมื่อได้รู้ว่าตอนนี้นายน้อยรีไวล์กำลังเข้าใจผิด แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือสิ่งที่เขากำลังจะทำต่อไปนี้...
“นายน้อยครับ ผ...ผมหมายถึง น...น้ำสตอเบอร์รี่..”
เสียงทุ้มหวานพูดขั้นทำให้มือแกร่งที่กำลังซุกซนต้องหยุดชะงัก สายตาสีเทานั้นสังเกตเห็นนัยน์ตาสีเขียวมรกตเบือนไปท้างด้านซ้าย...เมื่อหันตาไปก็ได้เห็นแก้วน้ำทรงสูงที่มีน้ำปั่นสีชมพูอยู่เต็มแก้ว...ใบหน้าคมเข้มหันกลับมามองที่เอเลนพร้อมเผยอมุมปากเล็กน้อย... “คือผมเห็นว่าเมื่อเช้านายน้อยบอกว่าอยากกินน้ำผลไม้ ผมก็เลยทำมาให้ครับ....” เม็ดเหงื่อผุดพรายบนใบหน้าหวานของเอเลน จริงๆก็รู้สึกโล่งใจที่ไม่โดนรุกลามทางเพศในที่ที่มีคนเห็นได้ง่ายแบบนี้...ขืนใครมาเห็นเข้ามีหวังท่านเอลวินคงได้จับมานั่งสอบสวนทั้งวันทั้งคืนแน่ๆ อย่างต่ำก็คงจะไม่ได้เข้าใกล้นายน้อยไปอีกนาน...
เอเลนยื่นแก้วน้ำปั่นให้รีไวล์..ดวงตาสีเทาคู่คมมองมาที่น้ำปั่นนั่นด้วยสีหน้าที่รู้สึกสงสัยอย่างหนัก.. “ทำไมทีแรกฉันไม่เห็นมันล่ะ..” “เออ...ไม่รู้สิครับ ผมเดาว่า..นายน้อยคงเงยหน้าจนชินแล้วมั้งครับ...ก็เลยมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ต่ำกว่าระดับสายตา...” คำพูดแทงใจดำของเอเลนทำให้รีไวล์รู้สึกเจ็บแปล๊บๆที่อกข้างซ้าย...คำพูดมากมายที่ถูกกรอกหูตั้งแต่เล็กจนโต เมื่อเกี่ยวกับส่วนสูงแล้ว เหมือนโดนมีดจากสวรรค์ปักลงมากลางอกก็ไม่ปาน
รังสีอึมครึมแผ่ซ่านออกมาจากสายตาของเด็กหนุ่มผู้ถูกเรียกว่านายน้อย ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกได้ทันทีว่ารีไวล์ไม่ชอบใจที่เขาพูดสักเท่าไร “เออ... นายน้อยครับ... ผมขอโท..” “ไม่ต้องของโทษหรอกน่า ฉันไม่ได้โกรธซะหน่อย...”เสียงทุ้มเรียบเอ่ยพูดแทรกขึ้นมา น้ำเสียงที่เหมือนประชดประชัน ก็ทำให้อดรู้สึกไม่ได้ว่ากำลังโกรธอยู่.. “ต..แต่ว่า...” เอเลนลากเสียงยาวพยางค์ท้าย พร้อมกับดวงตาที่อ้อนวอนเหมือนลูกสุนัขที่เพิ่งโดนเจ้านายดุมา... “หุบปากน่า..ถ้าไม่งั้นฉันจะปิดปากนายด้วยปากของฉัน...” พูดจบก็เดินเข้าห้องไปอย่างหน้าตาเฉย ปล่อยให้คนที่ยืนอยู่ต้องหงายเงิบและหน้าแดงตามมา..มือเรียวทั้งสองข้างยกขึ้นปิดแก้มแล้วเดินลงไปที่ชั้นล่างและจัดการเตรียมงานเลี้ยงฉลองในค่ำคืนนี้....
.
.
.
.
.
เวลานี้ประมาณ 18.20 น. งานฉลองในคฤหาสน์ชิกันชิน่าถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติของท่านชายไนล์และคุณหนูเพทรา ทั้งพ่อบ้านแม่บ้านและบุคคลทั้งที่อยู่ชั้นบนและชั้นล่างรวมทั้งผู้ที่ได้รับเชิญที่มาจากคฤหาสน์ใกล้เคียงก็ต่างมาร่วมงานเลี้ยงในห้องโถงของคฤหาสน์ ส่วนเหล่าบอดี้การ์ดก็ตรวจตระเวนอยู่รอบคฤหาสน์อยู่อย่างเคย ดนตรีเปิดคลอเบาๆให้เข้ากับบรรยากาศในงานซึ่งถือว่าเป็นงานเล็กๆสำหรับคฤหาสน์ชิกันชิน่า อาหารมากมายรวมอยู่ในโต๊ะใหญ่กลางงานซึ่งมาจากฝีมือของพ่อบ้านและแม่บ้านทั้งสิ้น ทั้งผลไม้และของคาวหวาน...ท่านชายเอลวินที่นั่งอยู่ที่โต๊ะใหญ่ซึ่งมีท่านชายไนล์ คุณหนูเพทราและนายน้อยรีไวล์ร่วมด้วยนั้น ชายวันกลางคนเจ้าของคฤหาสน์ยืนขึ้นพูดกล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติที่ได้รับเชิญมาร่วมงานพอเป็นพิธีก่อนงานเลี้ยงเริ่มขึ้น แล้วก็ต่างรับประทานอาหารที่เลิศรสชาติ บรรยากาศที่ดูโรแมนติกนี้ไม่มีใครรู้ว่าถูกจัดมาเพื่อประกาศข่าวดีบางอย่าง...
“มิคาสะ..เธอแน่ใจนะว่าไหว...” เอเลนถามเพื่อนสาวในชุดแม่บ้านที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทีเป็นห่วงเล็กน้อย ก็แปลกใจเล็กน้อยที่มิคาสะดูไม่เหมือนคนที่ฟื้นตัวใหม่ๆ แต่ยังดูแข็งแรงเหมือนปกติ “ไหวสิ... ฉันหายดีแล้ว.. แล้วเธอก็เห็น” มิคาสะพูดพร้อมส่งยิ้มเล็กน้อยให้เอเลน ชายหนุ่มในชุดพ่อบ้านพยักหน้ารับแล้วเดินออกไปบริการแขกในงาน ซึ่งเป็นหน้าที่ของพ่อบ้านอยู่แล้ว ...ดวงตาสวยสีนิลหันหน้าไปมองโต๊ะที่อยู่ริมหน้าต่างซึ่งมีเพื่อนชายสนิทอีกคนนั่งคุยอยู่กับผู้ใหญ่ที่อายุมากหลายท่าน ท่าทางดูสนุกสนาน... ชายหนุ่มผมสีทองตาสีฟ้าดูอ่อนโยนหันมาสบตากับเธอ แล้วโบกมือให้...มิคาสะโบกมือตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มจางๆ ด้วยมือข้างที่เธอพันแผลเอาไว้
เธอผินตามองพ่อบ้านหนุ่มผมสีอ่อนรองทรงสูง ที่ดูกระวนกระวายเหมือนตามหาใครบางคนอยู่ ซึ่งเธอนั้นรู้ดีว่าใคร...เธอค่อยๆแกะผ้าพันผลในมือออก ผ้าพันแผลสีขาวที่เปื้อนเลือดของเธอเล็กน้อย รอบแผลที่ไม่ค่อยลึกนักทำให้แผลสมานเร็วแต่ก็ยังมีเลือดซิบๆออกมาเล็กน้อย เธอเก็บเศษผ้าพันแผลเข้าประเป๋าเสื้อเพื่อไม่ให้ใครเห็น...แล้วเดินเข้าไปหาพ่อบ้านหนุ่มผมสีอ่อนที่ยืนมองออกไปทางหน้าต่างบานใหญ่ของห้องโถงเพียงลำพัง...
“แจน....” มิคาสะพูดจากด้านหนังของชายหนุ่ม... เสียงหวานไพเราะจับใจชวนให้ดวงตาคู่คมต้องรีบหันมามอง...แจนตาโตเล็กน้อยที่คนอย่างมิคาสะจะยอมเดินเข้ามาหาโดยไม่พาใครมาด้วย...ปกติถ้าจะเรียกสักครั้งต้องยืนห่างกันเป็นเมตร แต่คราวนี้มาเรียกจากด้านหลัง ทำเอาแปลกใจไม่ใช่เล่น.... “อ...มิคาสะ..มีอะไรหรอ..” แจนเกาหัวเล็กน้อยและเบือนสายตาไปทางอื่น เพราะไม่กล้ามองหน้าหญิงสาวตรงๆ “กำลังมองหาใครอยู่หรอ...” มิคาสะพูดเสียงหวาน ทำให้แจนรู้สึกเขินปนกับความงุนงงเล็กน้อย และก็สังเกตเห็นรอยยิ้มจางๆของมิคาสะที่ส่งมา ก็ทำให้ใจเต้นรัวๆ “ อ๋อ..ฉันก็มองหาโคนี่น่ะ... ตั้งแต่เช้าแล้วฉันไม่เห็นมันเลย จนงานเลี้ยงเริ่มแล้วฉันก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ไม่รู้หมอนั่นเป็นอะไรรึเปล่า...” แจนมองหาเพื่อนสนิทหัวเกรียนตั้งแต่เช้าก็ไม่เจออ ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนก็อยากจะออกไปตามหา แต่ว่างานเลี้ยงก็ยุ่งเหลือเกิน อีกทั้งโคนี่ไม่อยู่ก็ยิ่งวุ่นวายไปหมด ถามใครก็บอกว่าไม่เห็นโคนี่สักคน ทำให้แจนเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ
“อย่าคิดมากสิแจน... โคนี่ก็คงอยู่แถวนี้แหละน่า เดี๋ยวเขาก็กลับมาเอง..” มือเรียวเอมไปจับฝ่ามือหยาบโลนของแจนอย่างอ่อนโยน... ทำให้แจนหน้าแดงจางๆ ความคิดมากมายเริ่มวนเวียนเข้ามาในหัว คิดเข้าข้างตัวเองไปต่างๆนาๆกับการกระทำของมิคาสะ ทั้งการพูด การแสดงออก มันแปลกๆพิกล แต่ก็รู้สึกดีเหมือนกันที่ผู้หญิงที่ตนแอบรักมาทำดีด้วย... “อืม..ขอบใจนะ..” แจนพูดเบาๆ ดวงตาคู่คมของแจนสบเข้ากับดวงตาสีนิลหวานเยิ้มดุจดั่งอัญมณีเลอค่า แต่กลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าที่ซ่อนอยู่ภายใต้อัญมณีสีดำนั่น
“แจน..ฉันมีบางอย่างจะบอกกับเธอ...” มิคาสะไม่สบตาชายหนุ่ม เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย เส้นผมสีนิลตัดสั้นปรกใบหน้าสวย... “หืม...มีอะไรหรอมิคาสะ...” ดวงตาคู่คมเบิกกว้างเล็กน้อย...เมื่อได้รู้สึกว่าน้ำเสียงของมิคาสะเปลี่ยนไป จากน้ำเสียงหวานเมื่อครู่ เป็นน้ำเสียงที่บางเบาเหมือนกำลังพยายามพูดสิ่งที่อัดอั้นออกมา “ แจน ฉันรู้นะว่านายชอบฉัน...ฉันรู้มานานแล้ว... แต่ที่ฉันจะบอกกับนายก็คือ...” มิคาสะเว้นวรรคคำพูดครู่หนึ่ง เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบดวงตาคู่คมของอีกฝ่าย แจนตกใจไปในชั่วขณะเมื่อหญิงสาวผู้เป็นดวงใจรู้ว่าเขาคิดยังไงกับเขา และรอฟังคำพูดประโยคต่อไปของแม่บ้านสาว “ ฉัน...ก็ชอบนายนะแจน...” หัวใจของชายหนุ่มแทบหยุดเต้นเมื่อได้ยินคำที่สมปรารถนา คำที่หญิงสาวเคยพูดในความฝัน ในตอนนี้มันเป็นความจริง แจนแทบอยากจะตบหน้าตัวเอง เพี่อให้แน่ใจว่านี่ไม่ใช่ความฝัน....
“ มิคาสะ...ฉัน..” ใบหน้าคมเข้มโน้มเข้าหาใบหน้าของหญิงสาวช้าๆ ซึ่งอีกฝ่ายนั้นก็รู้ดีว่าเขากำลังจะทำอะไร... “แจน..อย่า..” มือเรียวรวบนิ้วยกขึ้นแตะริมฝีปากหนาของชายหนุ่ม เธอเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อยเป็นสัญชาติญาณของผู้หญิง “ทำไมล่ะ...” แจนถาม แล้วเอนตัวออกห่างจากหญิงสาวเล็กน้อย... “นี่มันในงานนะ...เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก...” มิคาสะเลื่อนดวงตาสีนิลไปมองบรรยากาศในงานเลี้ยงฉลองที่ดูสนุกสนานครื้นเครงปนกับความโรแมนติกเล็กน้อย... ชายหนุ่มสลดใจ ใบหน้าคมเข้มเบ้ปาก แสดงให้เห็นว่ารู้สึกหงุดหงิด ที่สถานที่ไม่อำนวยต่อการแสดงความรักของเขา
“แต่ว่า...ที่อื่นก็ยังมีนะ...” มิคาสะลากเสียงยาวพยางค์ท้ายเล็กน้อย เธอเหล่สายตาเย้ายวน ก่อนจะค่อยๆหันตัวแล้วเดินออกไปนอกงานเลี้ยงที่มีแสงสว่างไสวเจิดจ้าและเสียงเพลงบรรเลงไพเราะ เมื่อชายหนุ่มผมสีอ่อนนั้นได้เห็นสายตาที่เชิญชวนของหญิงสาวแล้วนั้น ก็ทำให้รู้สึกอดใจที่จะไปไม่ได้...แจนเลียริมฝีปากของตัวเองแล้วเดินตามร่างอรชรออกจากห้องโถงไป โดยที่ผู้คนในงานต่างก็สนุกสนานกับงานเลี้ยงรื่นเริง จนไม่มีใครได้สังเกตว่าพ่อบ้านและแม่บ้านทั้งสองคนนั้นได้แอบออกไปอย่างเงียบๆเสียแล้ว...
.
.
.
งานเลี้ยงถูกเปิดขึ้นและดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผ่านมา 1 ชั่วโมงกว่าๆ... บรรยากาศที่ชวนเพลินเพลินนั้นทำให้ผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์นั้น เห็นแก่การสมควร... “ไนล์ ฉันว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องประกาศออกไปเสียที...” ชายวันกลางคนเรือนผมทองสว่างเอ่ยกระซิบกับเพื่อนชายวัยเดียวกันที่นั่งอยู่ข้างๆ “ บอกเลยสิ ฉันก็รอไม่ไหวอีกแล้วล่ะ...” ไนล์กระตุกยิ้มมุมปาก ท่านชายเอลวินเห็นอย่างนั้นก็ไม่รอช้ารีบยืนขึ้นโดยเร็ว..
แปะๆๆ!!!
เสียงปรบมือสั้นๆของท่านชายเอลวินดังสนั่นไปทั่วงาน เป็นสัญญาณให้เงียบเสียงดนตรี แขกผู้มีเกียรติในงานต่างหันมามองกันเป็นตาเดียว...ท่ามกลางความเงียบนั้นก็ทำให้บางคนต้องใจจดจ่อกับการรอฟังคำบางอย่างจากเจ้าของคฤหาสน์... “ นี่ก็สมควรแก่เวลาแล้ว... ที่ผมจัดงานเลี้ยงในวันนี้ไม่ได้มีแค่เป็นการต้อนรับการมาของท่านชายไนล์และคุณหนูเพทราเท่านั้น...แต่ผมมีข่าวดีอีกอย่าง ที่จะต้องประกาศแก่ทุกท่านในงานนี้ให้ทราบทั่วกัน...” ผู้มาร่วมงานต่างก็ตื่นเต้นกับการรอฟังข่าวดีจากเจ้าของคฤหาสน์ผู้มีชื่อเสียง..
“ผมขอประกาศ... อีกหนึ่งเดือนนับจากนี้....จะเป็นงานแต่งงาน ของรีไวล์ลูกชายผม กับคุณหนูเพทราจากเมืองชิน่าครับ... ขอเสียงปรบมือให้กับว่าที่ลูกสะใภ้ของผมด้วยครับ” สิ้นคำพูดของท่านชายเอลวิน เสียงปรบมือดังลั่นไปทั่วงาน ผู้คนต่างโห่ร้องแสดงความยินดีกับว่าที่คู่บ่าวสาวของคฤหาสน์ชิกันชิน่า.... แต่เสียงโห่ร้องนั้นไม่ได้ทำให้คนบางคนรู้สึกดี ตรงกันข้าม มันทำให้ดวงใจของเด็กหนุ่มวัย 17 ปี นั้น เหมือนสลายไปพร้อมกับคำพูดของผู้เป็นบิดา... ในห้วงความคิดว่างเปล่า..ดวงตาสีเทาคู่คมเบิกกว้างขึ้น
รีไวล์ช็อกกับคำพูดของบิดา ช็อกจนพูดอะไรไม่ออก แล้วต่อจากนี้เขาจะทำยังไง... จะต้องแต่งงานงั้นหรอ แล้วคนเขารักล่ะ เขาเพิ่งจะบอกรักคนคนนั้นไปไม่นาน ก็ต้องมาเจอข้อผูกมัดให้แต่งงานกับคนที่ยังไม่เคยคุยกันสักครั้งแท้ๆ...นี่พระเจ้ากลั่นแกล้งหรืออย่างไร ทำไมกัน? ทำไมทุกอย่างมันกลายมาเป็นแบบนี้... ดวงตาสีเทาตวัดหันไปมองพ่อบ้านหนุ่มที่ยืนห่างจากโต๊ะของเขาไม่กี่เมตร... ดวงตาสีมรกตสั่นระริก น้ำตาใสๆเอ่อขึ้นที่ขอบตาและไหลงมาอาบพวงแก้ม
“นายน้อย...คุณกำลัง..จะแต่งงาน...” เอเลนขยับปากพูดเบาๆ นายน้อยรีไวล์ที่นั่งมองอยู่นั้นอ่านปากของเอเลนได้ศัพท์.. สายตาที่เบิกกว้างนั้นส่งไปถึงเอเลน เขาส่ายหัวเบาๆ โดยพยายามจะสื่อว่า “โปรดอย่าเข้าใจผิด ..ฉันไม่ได้อยากให้มันเกิดเรื่องแบบนี้... ” แต่สิ่งนั้นไม่สามารถทำให้เอเลนเข้าใจได้..น้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย ความเจ็บปวดเหมือนโดยเข็มนับร้อยนับพันแทงลึกสุดขั้วหัวใจ “ นายน้อยจะแต่งงาน..กับคุณหนูเพทรา...แล้วผมล่ะครับ...สิ่งที่คุณเคยบอกกับผมล่ะ.. รอยยิ้มของคุณที่ให้ผมมาในวันนั้น ... ผมคิดไปเองงั้นหรอครับ รอยจูบของคุณบนหน้าผากของผม...มันคืออะไรครับ...มันเป็นแค่ความฝันใช่ไหม...” เอเลนร้องตะโกนในใจ
อยากจะพูดออกมาให้ได้ยินเหลือเกิน ....อยากส่งความรู้สึกที่แสนเจ็บปวดนี้ให้เขาได้รับรู้เหลือเกิน... อยากจะถามเขาเหลือเกิน ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมานั้น...เป็นความจริง...หรือแค่ความฝัน...
“เพื่อเป็นการแสดงความยินดีแก่ว่าที่ลูกสะใภ้ของผม... ขอเชิญให้ทุกท่านออกมาร่วมเต้นรำกันเป็นการฉลองด้วยครับ..” ท่านชายเอลวินพูดชักชวนแขกในงานเลี้ยงออกมาเต้นรำเป็นเป็นการฉลอง....แล้วหันไปให้สัญญาณกับวงดนตรีที่อยู่เบื้องหน้าให้เริ่มบรรเลงดนตรีก่อนจะค่อยๆย่อตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่มีการแกะสลักอย่างประณีต.. “ รีไวล์..ออกไปเต้นรำกับคุณหนูเพทราสิ...” เอลวินพูดพร้อมสะกิดบ่ากว้างของบุตรชาย แต่สิ่งที่ตอบกลับมาก็คือสายตาที่ตอบปฏิเสธอย่างชัดเจน ดูท่าทางว่ารีไวล์จะโกรธไม่ใช่น้อย ซึ่งผู้เป็นพ่อนั้นรู้ดี “ เอาเถอะน่ารีไวล์ อย่าทำให้พ่อคนนี้เสียหน้าเลย เต้นรำกับว่าที่เจ้าสาวสักเพลง ไม่เป็นไรหรอกน่า” คำว่าว่าที่เจ้าสาวทำให้รีไวล์รู้สึกอยากจะตะโกนออกมาให้สุดเสียงว่าไม่ใช่... แต่ในเวลาแบบนี้ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากต้องทำตามคำสั่งเท่านั้น...
“เพทรา... เต้นรำกับนายน้อยสักเพลงสิลูก...” เช่นเดียวกับท่านชายไนล์ที่ชักชวนให้ลูกสาวออกไปเต้นรำกับผู้ชายที่ยังไม่เคยคุยกันสักคำ “แต่คุณพ่อ....” เพทราพยายามพูดปฏิเสธแต่เมื่อเห็นสายตาเชิงบังคับของผู้เป็นพ่อแล้วก็ทำให้ไม่สามารถจะตอบปฏิเสธออกไปได้... เธอพยัยกหน้าแล้วลุกขึ้นเดินออกมาจากโต๊ะโดยที่มีนายน้อยรีไวล์ยืนรอรับอยู่ตามมารยาท... มือที่สวมถุงมือสีดำของนายน้อยรีไวล์แบออกเพื่อให้หญิงสาววางมือ...เพทราค่อยๆยกมือลงทาบลงบนฝ่ามือหนาของรีไวล์เบาๆ แล้วเดินออกไปที่โล่งที่เป็นที่ที่จัดไว้สำหรับการเต้นรำโดยเฉพาะ... ท้องสองเต้นรำกันตามคำสั่งของผู้ใหญ่โดยที่ไม่เต็มใจกันทั้งสองฝ่าย ...
ดวงตาสีเขียวมรกตมองการเต้นรำของทั้งสองคนด้วยความกล้ำกลืนฝืนทน...แค่การประกาศแต่งงานก็เจ็บมากมายเกินทนอยู่แล้ว ยิ่งออกมาเต้นรำกับผู้หญิงอื่นต่อหน้าต่อตาแบบแบบนี้ใครมันจะไปทนดูได้กัน...เอเลนปาดน้ำตาลวกๆแล้วหันหลังเดินออกไปจากงานนั้นทันที...รีไวล์มองร่างสูงบอบบางของเอเลนที่เดินออกไป ทำให้รู้สึกผิดไม่ใช่น้อยที่ ออกมาเต้นรำกับคนอื่นให้เห็นกันแบบนี้ เหมือนเป็นการตอกย้ำความเจ็บปวดให้หนักหน่วงมากขึ้นไปอีก...
“คุณคิดยังไงคะ..กับการแต่งงานของเราสองคน...” เสียงใสของเด็กสาวคู่เต้นรำเอ่ยถาม ทั้งใบหน้าเศร้าหมอง ดูๆไปแล้วเธอคนนี้ก็คงเสียใจไม่แพ้เขาเหมือนกัน
“ฉันไม่อยากแต่งงาน...เพราะฉันมีคนที่รักอยู่แล้ว...”
“ เหมือนฉันเลยนะคะ...”
ทั้งสองคนคุยกันระหว่างที่เต้นรำ...ทั้งสองคนต่างก็มีคนที่รักอยู่แล้ว การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ไม่ใช่ว่าคิดจะแต่งก็แต่งได้ การที่ถูกจับคลุมถุงชนให้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักกันจริงๆ ไม่ใช่ออะไรที่น่ายินดี...
“ แล้วเธอจะทำยังไง...”
“ฉันทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ ไม่ว่ายังไงฉันก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกค่ะ แล้วฉันก็พูดกับคุณพ่อไปแล้วว่าจะแต่งงานกับคุณ ฉันก็ต้องแต่ง ถึงฉันจะไม่เต็มใจก็ตาม... ถ้าทำเพื่อคุณพ่อล่ะก็ ฉันก็จะยอม”
“แต่ฉันไม่ยอม!!!”
น้ำเสียงหนักแน่นของรีไวล์ทำให้เพทราต้องผงะ ดูท่าทางว่าผู้ชายคนนี้ตรงหน้าเธอจะมีความสัมพันธุ์กับคนรักมาไม่ใช่น้อย ถึงกับยืนกรานไม่ยอมแต่งงานกับคนอื่น
“ไม่ว่ายังไงฉันก็จะไม่แต่งงานกับเธอเด็ดขาด.. ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อปฏิเสธความเห็นแก่ตัวของพวกผู้ใหญ่..คนที่จะแต่งงานกับฉันต้องเป็นคนที่ฉันรักเท่านั้น”
เพทรารู้สึกละอายใจ ชายหนุ่มตรงหน้าของเธอ เขาคงจะกล้าหาญน่าดู พยายามที่จะต่อสู้เพื่อความรักที่เขาเชื่อมั่น ต่างกับเธอเหลือเกินที่เอาแต่จะหนีปัญหา ไม่คิดจะทำอะไรเลย..
“ถ้าคุณทำได้ฉันก็ดีใจด้วยนะคะ” เพทรากระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ในใจขอเธอก็สนับสนุนความคิดของรีไวล์อยู่ลึกๆ เพราะถ้าเขาทำสำเร็จล่ะก็ เธอก็จะได้ไม่ต้องแต่งงานกับเขาเช่นกัน
“ทำได้อยู่แล้วล่ะ...”
TBC
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น