Position
Part #7
รถสปอร์ตสีดำถูกขับเข้ามาที่หน้าคฤหาสน์ บอดี้การ์ดคนอื่นรีบเปิดประตูให้รถผ่านเข้าไป ชายหนุ่มร่างสูงเกือบ 2 เมตร สังเกตเห็นคนในรถมีแค่สองคน ได้แก่ ท่านชายเอลวิน และ.... “ หัวหน้าเอิร์ธ ...” บอดี้การ์ดเบลทรูทมองสีหน้าของทั้งสองคนที่นั่งอยู่ในรถ...สีหน้าของเอิร์ธแสดงถึงความเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
โดยที่ชายเอลวินกลับดูเดือดดาลสุดๆ จึงเกิดความสงสัยขึ้นมาในใจ .... ปกติหัวหน้าบอดี้การ์ดอย่างเอิร์ธไม่เคยทำให้ท่านชายเอลวินหรือเจ้านายคนไหนไม่พอใจมาก่อน แต่วันนี้เกิดอะไรขึ้น....
เอิร์ธเดินตามท่านชายเอลวินเข้ามาในห้องทำงานภายในคฤหาสน์ ... ชายวันกลางคนทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่ที่อยู่หลังโต๊ะ โดยบอดี้การ์ดหนุ่มก็นั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ตั้งแต่กลับมาถึงคฤหาสน์ท่านชายเอลวินก็ขมวดคิ้วไม่ยอมคลาย เช่นเดียวกับเอิร์ธที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา... ทั้งสองคนนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
ท่านชายเอลวินนั่งกุมขมับ... ในตอนนี้ สีหน้าของชายวันกลางคนตรงหน้าของเอิร์ธช่างดูน่ากลัว.... “ นายทำอะไรลงไปรู้ตัวรึเปล่า “ เอลวินพูดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัด.... “ ผมรู้ครับ...” เอิร์ธพยักหน้าเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้าของชายหนุ่มหลุบลงกว่าปกติ “ นายรู้...แต่นายก็ทำให้ฉันขายหน้า ตระกูลของฉันไม่เคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อน.....” ชายวัยกลางคนพูดขึ้นเสียง .... “ผมขอโทษครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มพูดเบาๆ...เอลวินถอนหายใจแรงๆ พร้อมทั้งเคาะโต๊ะรัวๆเบาๆ แสดงถึงความแครียดและความโมโหรวมๆกัน ชายวัยกลางคนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าจะทำยังไงกับบอดี้การ์ดคนนี้...
“เอาเถอะๆ นี่ถือว่าเป็นความผิดครั้งแรก ฉันจะยกโทษให้ก็ได้ แต่ถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกนายจะต้องรับผิดชอบ โดยฉันจะลดตำแหน่งนาย เข้าใจใช่ไหม...” คำพูดของเจ้านายทำให้บอดี้การ์ดหนุ่มรีบเงยหน้าขึ้นมา .. ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้าง เขาจะถูกลกตำแหน่งถ้าเขาผิดพลาดอีก เอิร์ธเริ่มทำใจ ว่าต่อไปจะไม่สามารถได้ใกล้ชิดกับคุณหนูเพทราได้อีก จะไมสามารถ...ได้สนิทสนมหรือทำความรู้จักกับเธอได้มากกว่านี้ “ ครับ.. ผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มรับคำแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ....
“คงจะต้องจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุดซะแล้ว”
ชายวันกลางคนพูดกับตัวเองเบาๆ ในเมื่อมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับว่าที่เจ้าสาว อาจจะมีเรื่องพลิกผันก็เป็นได้ ...เขาจะไม่มีทางยอมให้ว่าที่ลูกสะใภ้และแม่ของหลานในอนาคต ที่ได้เลือกเอาไว้หลุดลอยไปไหนเด็ดขาด..และจะไม่ยอม..ให้บอดี้การ์ดผู้มีฝีมือดีและเป็นคนที่ไว้ใจที่สุดต้องกลายเป็นงูเห่ามาลอบกัดได้หรอก....
.
.
“เกิดอะไรขึ้น....” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียบๆ น้ำเสียงคุ้นหู ชายหนุ่มร่างใหญ่ก้าวพ้นประตูออกมาก็พบกับ... “นายน้อยรีไวล์...” ชายหนุ่มเอ่ยเรียกชื่อของอีกฝ่ายเบาๆ ดวงตาสีฟ้าดูอบอุ่นมองไปที่เด็กหนุ่มร่างเล็กตรงหน้าที่กำลังยืนกอดอกและจ้องหน้าเขาอยู่ “ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ.. ผมทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ขึ้นน่ะครับ แต่ผมรับรองนะครับจะไม่ได้เกิดขึ้นอีก...” ดวงตาสีเทาคู่คมมองเห็นความเศร้าที่แฝงอยู่ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มนั่น..... เอิร์ธถือว่าเป็นเพื่อนชายคนหนึ่งของรีไวล์.... คอยปกป้องและช่วยแหลือเขามาตลอด... ในเมื่อเห็นเพื่อนอยู่ในสภาพแบบนี้แล้ว จะไม่ทำอะไรเลยมันก็ยังไงอยู่...
ไม่มีอะไรที่รีไวล์ไม่รู้ วันนี้เขาเห็นเพื่อนบอดี้การ์ดหนุ่มคนนี้ยืนคุยกับคุณหนูเพทราลูกสาวของท่านชายไนล์ มองเข้าไปลึกๆแล้ว ก็พบว่าทั้งสองคนนั้นก็แอบมีใจให้กัน สายตาของเอิร์ธดูมีความสุขเมื่อได้คุยกับเพทรา...
“พาฉันไปเดินเล่นข้างนอกหน่อยสิ....” เด็กหนุ่มเอ่ยบอกกับบอดี้การ์ดหนุ่ม ทำเอาเอิร์ธถึงกับอ้าปากค้าง “ ตอนนี้เลยหรอครับนี่มันทุ่มกว่าๆแล้วนะครั...” “เร็วสิอย่าให้ฉันต้องรอนะ” เด็กหนุ่มร่างเล็กพูดตัดบทแล้วเดินนำไปโดยไม่รีรอ... ในตอนนี้สิ่งที่เขาพอจะช่วยได้บ้างก็คือพาเพื่อนชายออกไปเดินรับลมให้ใจสงบ เผื่อว่าจะคิดอะไรออกบ้าง...บอดี้การ์ดหนุ่มผมทองมัดรวบยิ้มจางๆ ก่อนจะเดินตามนายน้อยรีไวล์ออกไป.... ด้วยความที่รู้จักกันมานานทำให้เข้าใจกันดี ในเวลาแบบนี้ส่วนใหญ่ก็จะมีเพียงนายน้อยรีไวล์เท่านั้นที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง....แต่ก็มีความรู้สึกแปลกๆว่า...นอกจากหน้าที่บอดี้การ์ดแล้ว.... หน้าที่พาเจ้านายไปเดินเที่ยวก็เป็นงานเสริมอย่างหนึ่ง....มันเหมือนกับพาสุนัขมาเดินเล่นยังไงยังงั้น...
ทั้งสองหนุ่มเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้ามาในใจกลางเมือง.... เหล่านักท่องเที่ยวและพ่อค้าที่นำสินค้าเข้ามาจากต่างประเทศต่างก็ต่างเข้ามาพักผ่อนกันในคอนโดย่านนี้...และ แถวนี้ก็นับว่าเป็นตลาดใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองชิน่า ในเวลาตอนนี้โดยประมาณก็ประมาณสองทุ่มกว่าๆแล้ว ผู้คนก็ต่างพากันเก็บของกลับบ้านกลับช่องกันเกือบหมด....สายลมเย็นๆของทะเลพัดมาแต่ไกล... ล้อมรอบเมืองชิน่านั้นเป็นทะเลสาบที่กว้างใหญ่ ทำให้เมืองชิน่ามีลมพัดเย็นจากทะเลตลอดเวลา เป็นเมืองที่อากาศเย็นสบายแทบทั้งปีเลยก็ว่าได้....
“นานแล้วนะ...ที่ฉันไม่เห็นนายทำหน้าแบบนี้” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบพลางสายตาคู่คมมองไปที่รอบๆตัว ดูยุ่งวุ่นวายกับพวกพ่อค้างที่เก็บข้าวของกลับบ้าน... บอดี้การ์ดหนุ่มผินตามองมาที่เจ้านายวัยเยาว์... “ พูดอะไรน่ะครับนายน้อย....ผมน่ะหรอเศร้า..” บอดี้การ์ดหนุ่มพูดพร้อมรอยยิ้มจางๆ.... รอยยิ้มหลอกลวง... รอยยิ้มที่ปกปิดความเศร้าหมอง... รีไวล์ถอนหายใจเบาๆ ..
จะพยายามหลอกตัวเองไปถึงเมื่อไรกัน....
.
.
.
ปึง!!!
เสียงประตูปิดอย่างรุนแรง ชายวันกลางคนไว้หนวดเคราเล็กน้อยเดินจ้ำอ้าว เข้ามาในห้องนอนของบุตรสาวด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด โดยที่อีกมือหนึ่งกำลังบีบมือของเด็กสาวอยู่...
โอ๊ย!!
ชายวันกลางคนเหวี่ยงเด็กสาวนี่อยู่ในมือลงกับพื้นอย่างแรง แรงกระแทกทำให้เด็กสาวรู้สึกเจ็บแปล็บๆที่สะโพก ตามสัญชาติญาณเมื่อเธอเห็นผู้เป็นพ่อเริ่มเดินเข้ามาใกล้ เธอจึงรีบเขยิบตัวถอยห่างขึ้นเรื่อยๆ “ ไม่คิดเลยว่าลูกจะใฝ่ต่ำไปคลุกคลีกับคนต่ำๆแบบนั้น หึ! รู้ทั้งรู้ว่ากำลังจะแต่งงานในเร็วๆนี้ แล้วทำไม ..เพทรา.. ทำไมลูกถึง...” “คุณพ่อไม่เคยให้ลูกได้ตัดสินใจเองบ้างเลย!!!!” ผู้เป็นพ่อชะงัก เมื่อได้ยินเสียงแผดลั่นของลูกสาว .... ไม่เคยเห็นมาก่อน.... การแสดงออกของลูกสาวแบบนี้ ...บุตรสาวดันกายให้ลุกขึ้นยืนอย่างเร็วพลันพร้อมชักสีหน้าก้าวร้าวใส่บิดา... “ ชีวิตของลูก !!!ทั้งกายทั้งเลือดเนื้อและจิตใจเป็นของลูก.. แต่ลูกไม่เคยได้เลือกอะไรเองบ้างเลย!!!! ตั้งแต่เล็กจนโตลูกก็ถูกขังมาโดยตลอด!!! ต้องอยู่แต่ในกรอบที่คุณพ่อขีดไว้ให้!!!! ลูกยังมีสิทธิ์ของความเป็นมนุษย์บ้างไหมคะ!!! คุณพ่อเคยนึกบ้างไหม!!! ว่าลูกจะมีความสุขรึเปล่า จนถึงวันนี้คุณพ่อก็ยังอยากจะให้ลูกแต่งงานกับคนที่ลูกไม่รู้จัก คุณพ่อน่ะ... ก็แค่อ้างว่าเลือกทางที่ดีที่สุดให้ลูก!!!! จริงๆแล้ว...คุณพ่อก็นึกถึงตัวเอง!!! คุณพ่อมันเห็นแก่ตัว!!!!!....”
เพี๊ยะ!!!!!!!
เสียงหนึ่งดึงขึ้นจากฝ่ามือแกร่งของผู้เป็นพ่อกระทบกับพวงแก้มข้างซ้ายของเด็กสาว ด้วยความเร็วและรุนแรง....ใบหน้าสวยหันไปตามแรงตบของบิดา...มือเรียวจับที่พวงแก้มข้างซ้ายที่มีรอยแดงของฝ่ามือเด่นชัด .....ดวงตากลมโตเบิกกว้างพร้อมน้ำตาที่ไหลปริ่มออกมา....เพทราหันหน้าไปสบตากับผู้เป็นพ่อย่างช้าๆ ริมฝีบางปางเม้มแน่น ตอนนี้ในหัวของเธอไม่คิดอะไรอีกแล้ว ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น.... ชีวิตนี้..มันไม่มีความหมายหรือเป้าหมายในชีวิตเลยสักสิ่งอย่าง...
ชีวิตของนกน้อยที่ไม่เคยโผบิน..... เสียชาติเกิด..ไม่มีค่า... ถ้าหากเป็นนกที่บินไม่ได้ ตายไปซะยังดีกว่า....
เด็กสาวร่างเล็กกระโจนพลักร่างกายของบิดาให้พ้นออกจากประตูห้อง แล้วเธอก็ทำการล็อกประตูอย่างหนาแน่ด้วยแม่กุญแจและกลอน...
ปึงปึงปึงปึง!!! ปึงปึงปึง!!!
“เพทรา!!!....เปิดประตูนะ เรายังคุยกันไม่จบ!!!” ท่านชายไนล์ทุบประตูเสียงดึงพร้อมตะโกนเรียกลูกสาวเป็นระยะๆ เด็กสาวผมสีน้ำตาลออกส้มเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ของห้อง เธอเปิดม่านและบานเลื่อนหน้าต่างออก.... ลมเย็นพัดโชยปะทะใบหน้าสวยของเด็กสาวที่กำลังสึกสะอื้นร้องไห้... น้ำตาไหลหยดลงพื้นเบื้องล่าง หยดแล้วหยดเล่า ในตอนนี้เธอยืนอยู่ในชั้นที่ 7 ของคอนโด เธอกำลังก้าวเท้ามาเหยียบที่ขอบหน้าต่าง.... ร่างบางยืนอย่างเต็มความสูง....ใบหน้าสวยเงยมองพระจันทร์ที่ส่องสว่างยามค่ำคืน ในเวลาสองทุ่มครึ่ง
ดวงดาวนับร้อยส่องระยิบระยับทั่วท้องฟ้าสีมืด มันคงจะเป็นภาพสุดท้ายแล้ว.... ก่อนที่ชีวิตของนกน้อยตัวนึ่งจะดับไป ท้องฟ้าที่ได้แค่เห็น....ไม่เคยได้สัมผัส.... ชีวิตคืออะไร?... หาว่าเกิดมาไม่มีสิทธิ์ที่จะได้เรียนรู้....ไม่สามารถรู้จักโลกใบนี้ได้.... แล้วจะมีชีวิตไปเพื่ออะไร ...ชีวิตที่ไม่มีความสุข ชีวิตที่ต้องทุกข์ทน กับความเศร้าหมองและความอดทนที่ไม่จบไม่สิ้น.....
“ลาก่อน....” เด็กสาวพูดประโยคสั้นๆด้วยเสียงที่แผ่วเบา จากนั้นร่างบาง ก็ได้ล่องลอยลงมาสู่เบื้องล่าง....สายลมตีพัดใบหน้าสวยของเด็กสาว เส้นผมพลิ้วสลวยถูกพัดขึ้นสูง ....และแล้วเธอก็หลับใหลเข้าห้วงนิทราท่ามกลางอากาศเย็น.... ในห้วงความคิดของเธอ... คงจะเป็นนิทราสุดท้ายแล้ว...สินะ....
.
.
.
.
.
.
.
.
บุรุษสองคนเดินเที่ยวเตร่ไปเรื่อยโดยไม่พูดอะไร... บรรยากาศเงียบงันพิกล... ชายหนุ่มร่างสูงผมสีทองมัดรวบ ดวงตาสีฟ้าหรี่ลงเล็กน้อย พลางนึกถึงหญิงสาวผู้เป็นที่รัก... “ คุณหนูเพทรา.... ตอนนี้คุณกำลังทำอะไร...ตอนนี้คุณจะเป็นยังไงบ้าง...” ในตอนนี้เขาเพียงคิดรำพึงรำพันในใจ... ท่านชายไนล์จะทำโทษเธอหรือไม่... ตอนนี้เธอกำลังนั่งร้องไห้อยู่รึเปล่า... เขาโทษตัวเองที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ที่ทำให้คุณหนูเพทราต้องผิดใจกับผู้เป็นพ่อ คิดวนไปมาซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า...
.
.
.
แหมะ.. แหมะ... แหมะ
เสียงหยดน้ำกระทบลงสู่พื้นเบื้องหน้าของชายหนุ่ม และเด็กหนุ่มที่กำลังเดินไป.... เด็กหนุ่มรู้สึกว่าเสียงฝีเท้าของเพื่อนชายที่ตามมาทางด้านหลังนั้นเงียบไป จึงหันหลังไปมองอย่างช้าๆ ...บอดี้การ์ดหนุ่มร่างสูงกำลังเงยหน้าขึ้นไปมองที่มาของหยดน้ำจากคอนโดชั้น 7......
มีบางอย่างกำลังตกลงมา.....
.
.
ตุบ!!!!!!!!!
.
.
อ้อมแขนแกร่งของชายหนุ่มรับบางสิ่งที่ตกลงมา....แต่แล้วก็ต้องตาค้างเมื่อได้เห็นสิ่งที่รับมานั่นเป็นเพียงเด็กสาวตัวเล็กๆ....
“ คุณหนู....เพทรา”
เอิร์ธตกตะลึงเมื่อได้เห็นคุณหนูเพทราอยู่ในอ้อมแขน...และยิ่งกว่านั้น...เธอตกลงมาจากชั้น 7.... ใบหน้าสวยมีคราบน้ำตาไหลอาบแก้มและยังไหลอยู่.. พวงแก้มซ้ายมีรอยแดงของฝ่ามือ....
เกิดอะไรขึ้นกับเธอ....
ไม่ใช่แค่ชายหนุ่มเท่านั้นที่ตกตะลึง.... เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็ถึงกับอึ้งไม่แพ้กัน ดวงตาคู่คมเบิกกว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด... กับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า... ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในใจของบุรุษทั้งสอง...อุบัติเหตุ ? ฆ่าตัวตาย!?.... ทันใดนั้นเอง ดวงตากลมโตค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ... ภายในดวงตาสีน้ำตาลนั้นเลือนราง... เธอค่อยๆมองทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าอย่างเชื่องช้า.... แล้วก็พบกับใบหน้าชายหนุ่มที่กำลังโอบอุ้มเธอไว้.... “คุณหนูเพทรา... คุณหนูได้ยินผมไหมครับ!!!....” ชายหนุ่มเรียกชื่อเธอเป็นระยะๆพร้อมกับเขย่าร่างของเธอเล็กน้อย... “คุณเอิร์ธ... คุณช่วยฉัน..อีกแล้ว นะคะ…” เธอเรียกชื่อของชายหนุ่มกลับ น้ำเสียงหวานใสที่แผ่วเบาของหญิงสาวทำให้บุรุษตรงหน้าได้รับรู้...ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่...และดวงตางดงามนั้นก็ปิดไปอีกครั้งพร้อมรอยยิ้ม...
“เพทรา!!!!!!!”
เสียงทุ้มของชายวัยกลางคนดึงขึ้นจากทางประตูด้านนอกของคอนโด.... ชายวัย 40 วิ่งออกมาอย่างกระหืดกระหอบโดยใบหน้าคมเข้มเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ... ชายวัยกลางคนมองไปที่คนตรงหน้าที่กำลังอุ้มบุตรสาวของเขาอยู่นั้น
“ก...แก..อีกแล้วหรอ...”
“ท่านชายไนล์..”
ไนล์ขมวดคิ้ว.... สายตาคู่คมไปสะดุดเข้ากับร่างของบุตรสาวที่กำลังสลบสใหลในอ้อมกอดของบอดี้การ์ดชั้นต่ำ ทำให้เขาต้องรีบฉวยคว้าบุตรสาวออกมาโดยเร็วพลัน.... “ เธอตกลงมาจากชั้น 7.. ตอนนี้คุณหนูเพทราคงกำลังช็อกน่ะครับ ให้เธอพักผ่อนพรุ่งนี้ก็คงจะตื่นน่ะครับ...” ไนล์ชักสีหน้าไม่พอใจใส่บอดี้การ์ดหนุ่มแล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปในคอนโด...โดยไม่คิดจะกล่าวขอบคุณคนที่ช่วยลูกสาวเลยสักคำ....
ไนล์อุ้มบุตรสาวที่กำลังหมดสติขึ้นกลับไปที่ชั้น 7 แล้ววางเธอลงบนเตียงของเธอในห้อง...ชายวัยกลางคนมองใบหน้าของเด็กสาว..พลางนึกย้อนกลับไปเมื่อครู่ ที่เขาพังประตูห้องออกมาแล้วก็พบกับร่างของบุตรสาวที่ร่วงลงสู่พื้น.... ในตอนนั้นหัวใจของผู้เป็นพ่อแทบจะสลาย... “ทำไมกันเพทรา ทำไมลูกถึงไม่ยอมรับความหวังดีจากพ่อ....” น้ำตาของบุรุษวัยกลางคนไหลลงมาจากใบหน้าและหยดลงบนหลังมือของเด็กสาวที่นอนอยู่บนเตียง
“พ่อจะไม่ยอม... ไม่มีทางยอมให้ลูกได้ใกล้ชิดกับผู้ชายพรรคนั้นหรอก..คนอย่างมัน ไม่มีทางทำให้ลูกของพ่อสูงส่งขึ้นได้!!!.....”
.
.
เอิร์ธถอนหายใจแรงๆ....สีหน้าของชายหนุ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก... เมื่อเห็นคุณหนูเพทราตกลงมา..ในตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่ม...สมควรแก่เวลาแล้วที่จะต้องพานายน้อยรีไวล์กลับคฤหาสน์ชิกันชิน่า....
บุรุษสองคนซึ่งมีอายุต่างกันหลายปีเดินมาจนถึงหน้าประตูคฤหาสน์... “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ....” เอิร์ธพูดกับเด็กหนุ่มร่างเล็กวัย 17 ปี พร้อมโค้งตัวลงเล็กน้อย แล้วขณะที่กำลังจะหันกลับไปนั้น... “เอิร์ธ...” เสียงทุ้มต่ำของเด็กหนุ่มทำให้บุรุษร่างสูงต้องหันกลับมา “มีอะไรหรอครับนายน้อย...” เอิร์ธถามเจ้านายวัยเยาว์ด้วยท่าทีสงสัย ...พลางสายตาสีฟ้าอบอุ่นมองไปที่ใบหน้าเรียบนิ่งของเด็กหนุ่มร่างเล็ก.... ในตอนนี้สายตาคู่คมนั้นกลับแอบซ่อนเร้นไปด้วยความลึกลับบางอย่าง...
“นายรู้ไหม....มีคนเคยบอกกับฉันว่า ถ้าเกิดมีอุปสรรคเพราะความรัก... เขาจะไม่ยอมให้ใครมาขัดขวาง... เขาจะสู้เพื่อมันจนถึงที่สุด จะทำให้หัวใจของคนๆนั้นมาเป็นของเขา...และจะแสดงให้คนอื่นได้เห็น ว่าความรักของเขาที่มีต่อคนๆนั้นไม่มีใครมาขวางได้..” เมื่อสิ้นคำพูด เด็กหนุ่มก็หันหลังเดินเข้าไปในคฤหาสน์อย่างเงียบๆ ปล่อยให้เพื่อนบอดี้การ์ดที่ยืนฟังอยู่เมื่อครู่ได้คิด... ความรักที่ใครก็ขวางไม่ได้... จะสู้เพื่อมันจนถึงที่สุด... บอดี้การ์ดหนุ่มคิดในใจ....
คุณหนูเพทรา...คุณคงจำไม่ได้สินะครับ สัญญาของเราในอดีต... แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะทำตามสัญญา..จะทำให้ถึงที่สุด...จะทำให้พวกเขาได้เห็น...ว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณถึงจะผ่านเวลาที่แสนนานมาแล้ว แต่ความรัก...เวลาก็ไม่สามารถเปลี่ยนมันได้เหมือนกัน...
.
.
.
.
.
“ห้าววววววว....” พ่อบ้านหัวเกรียนหาวปากกว้าง...พร้อมบิดขี้เกียจอย่างเต็มที่กับความเหนื่อยล้าที่ทำงานมาทั้งวัน...ทั้งๆที่วันนี้ช่วยงานกันถึงสามคนก็ยังเหนื่อยเป็นพิเศษเนื่องจากวันปกติจะแอบอู้งานซะมากกว่า... “แจนนายขึ้นไปนายขึ้นไปนอนก่อนเลยนะ ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำหน่อย..” โคนี่พูดกับพ่อบ้านอีกคนซึ่งเป็นเพื่อนสนิท... แจนพยักหน้าแล้วเดินกลับไปที่ห้องพักของพ่อบ้าน..เพื่อไปนอนเอาแรงสำหรับทำงานต่อในวันพรุ่งนี้....พ่อบ้านหัวเกรียนเดินไปที่ห้องน้ำด้านหลังคฤหาสน์...แล้วจัดการทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย....
.
.
.
โคนี่เดินออกมาจากห้องน้ำพรอมฮัมเพลงเบาๆอย่างสบายอารมณ์...ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาเดินออกจากหน้าประตูห้องน้ำ ..ทันใดนั้น...
หมับ!!!!
“แว๊กกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!” โคนี่ร้องเสียงเมื่อมีมือปริศนามาจับที่ข้อมือของเขา.. “ชู่ววว....เงียบๆสิ” เสียงอันไพเราะของหญิงสาวเอ่ยขึ้นจาด้านหลังของโคนี่ที่กำลังยืนตัวสั่นหงึก... ชายหนุ่มหัวเกรียนค่อยๆหันคอไปมองคนที่อยู่ด้านหลังอย่างช้าๆ “ม...มิคา..” “ชู่ววววววว ฉันบอกให้เงียบๆไง” มิคาสะชักสีหน้าหงุดหงิดใส่โคนี่ทำตกใจซะจนเผลอพูดเสียงดัง.....โคนี่รีบยกมือปิดปากพลัน..พลางดวงตาสีเหลืองอำพันมองซ้ายมองขวา.... “เมือมีอะไร ทำไมต้องโผล่มาแบบนี้ด้วยล่ะ... แล้ว...เธอหายป่วยแล้วหรอ..” โคนี่ถามพร้อมกับมองมิคาสะที่ใส่ชุดไพรเวทธรรมดาๆ...เห็นบอกว่าป่วยแต่ไม่คิดว่าจะหายป่วยไวขนาดนี้.... “ คือว่า..ในฐานะที่เธอเป็นเพื่อนสนิทของแจน...ฉันมีเรื่องจะปรึกษานาย...” มิคาสะพูดพร้อมรอยยิ้มที่ดูขวยเขินเล็กน้อย ก็ทำให้ชายหัวเกรียนอดนึกไม่ได้
อย่าบอกนะว่ามิคาสะชอบแจน!!..
“ถ้ายังไง ฉันขอให้นายช่วยมากับฉันหน่อยจะได้ไหม...” “ ด...ได้ แต่ทำทำไมต้องเป็นที่อื่นด้วยล่ะ ที่นี่ก็ได้ไม่ใช่หรอ ไม่มีใครอยู่ซะหน่อย ..” โคนี่เลิกคิ้วสูง รู้สึกแปลกๆที่มิคาสะหญิงใดวงใจของเพื่อนสนิทต้องพาออกไปคุยที่อื่น...ถ้าเป็นเรื่องที่จะของคำปรึกษาธรรมดาๆคุยที่นี่ก็ไม่มีใครรู้อยู่แล้วอยู่แล้ว... “แถวนี้มันอยู่ใกล้คฤหาสน์มาเกินไป หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง... ฉันต้องมั่นใจว่าจะไม่มีใครได้ยินจริงๆ...” น้ำเสียงหนักแน่นของมิคาสะทำให้โคนี่ถึงกับผงะเล็กน้อย คำพูดของมิคาสะก็มีเหตุผล...เพราะฉะนั้นพ่อบ้านหัวเกรียนจึงยอมตามเธอไปแต่โดยดี …
ในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด คำคืนที่ผู้คนต่างก็นอนหลับ...ไม่มีใครรู้ว่าต่อไปนี้เรื่องพิศวงในคฤหาสน์ชิกนชิน่ากำลังจะเริ่มแล้ว....
TBC
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น