Position
Part #13
รถสีขาวคันใหญ่ที่คุ้นหูคุ้นตาเหล่าบอดี้การ์ดที่ยืนรอต้อนรับอยู่หน้าประตูนอกของคฤหาสน์ชิกันชิน่า แลดวงตาสีฟ้าฉายแววประกายเมื่อได้เห็นสัญลักษณ์ของเมืองมาเรียที่ข้างประตูรถทั้งซ้ายขวา เป็นที่รู้ๆกันว่าท่านชายไนล์และคุณหนูเพทราได้มาถึงที่นี่แล้ว
หัวหน้าบอดี้การ์ดร่างใหญ่ถอดแว่นสีดำออกเพื่อมองให้แน่ใจแล้วหันไปสั่งให้ลูกน้องบอดี้การ์ดหนุ่มหน้าจืดเปิดประตูรอรับให้ชนชั้นสูงจากเมืองมาเรียได้เข้ามาโดยกะระยะไว้ 500 เมตรโดยประมาณ
เฟี้ยววว!!!....
รถมอเตอร์ไซต์สปอร์ตทัวริ่ง (Sport Touring )สีแดงสดขับปาดหน้าด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้า ทำเอาคนขับรถของเมืองมาเรียนั้นแทบจะเหยียบเบรคไม่ทัน ชายวัยกลางคนในรถสีขาวด้านหลังตาเบิกโพลงพร้อมกับบุตรสาวที่นั่งอยู่ที่เบาะหลังเหงื่อแตกพลักๆ ดวงฟ่าฟางเพ่งมองคนขับรถมอเตอร์ไซต์สปอร์ตสีแดงแจ๊ที่ขับนำไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความโมโหพุ่งขึ้นฉับพลันจนแทบอยากจะเร่งขับตามไปด่าให้หนำใจ
บุคลสวมเสื้อโค้ทสีดำแถบสีเทา และดูท่าว่าจะมีแค่เสื้อและไม่ได้ใส่กางกาง เผยให้เห็นเรียวขาเพรียวยาวนวลเนียนสีน้ำผึ้งอ่อนๆเซ็กซี่เย้ายวนสายตาผู้พบเห็น หมวกกันน็อกสีดำปกปิดใบหน้าตั้งแต่หัวจรดปลายคาง ไนล์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นว่าบุคคลที่ขับรถตัดหน้าตนไปเมื่อครู่หันคอมามองเล็กน้อยก่อนจะบิดแฮนด์มอเตอร์ไซต์พุ่งตรงเข้าไปในคฤหาสน์ชิน่า ในขณะที่เหล่าบอดี้การ์ดกำลังยืนค้างด้วยความอึ้งรถสปอร์ตทัวริ่งสีแดงก็ขับเข้าไปจอดหน้าประตูชั้นในของคฤหาสน์เสียแล้ว
ตามหลังมาด้วยรถคันใหญ่ประดับสัญลักษณ์เมืองมาเรียเร่งขับเข้ามาอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน เหล่าบอดี้การ์ดคอแห้งเป็นผงทันทีเมื่อในสมองเริ่มคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อหน้านี้ในอีกไม่กี่วินาที ต่างคนต่างหันหน้ามองตากันปริบๆบ้างก็สงสัยอยู่ในใจว่าใครกับที่เป็นเจ้าของเรียวขาสีน้ำผึ้งเรียวสวยคนนี้ แถมเปรี้ยวจัดบิดสปอร์ตทั่วริ่งสีแดงบาดใจพรวดพราดเข้ามาในคฤหาสน์โดยที่ยังไม่ทันได้รับอนุญาต
ชายวัยกลางคนร่างสูงในรถยนต์รีบผลักประตูด้านข้างออกอย่างรุนแรงด้วยความโมโหทำเอาบานประตูแทบจะหักเสียออกตรงนั้น ไนล์ยืนเต็มความสูง ดวงตาสีขี้เถ้าจ้องเขม็งไปที่บุคคลที่ค่อยๆวาดขาออกจากรถมอเตอร์ไซต์อย่างใจเย็น มือสองข้างดันหมวกกันน็อกออกแล้วสะบัดผมสีบลอนส์อ่อนซอยสั้นที่ยาวคลอเคลียคอระหงให้พลิ้วออกแล้วบรรจงวางหมวกกันน็อกลงที่เบาะนั่งก่อนจะรูดซิบที่เสื้อโค๊ดลงแล้วถอดออก เผยให้เห็นร่างอ่อนช้อยสมส่วนในชุดว่ายน้ำสีส้มลายเสือสายเดียวเช่นเดียวกับกางกางในรัดบั้นท้ายกลมกลึง ช่างเซ็กซี่เย้ายวนคนเบื้องหลังที่ได้เห็น ตั้งแต่คนขับรถไปจนถึงบอดี้การ์ดหน้าประตูที่น้ำลายหกกันเป็นแถวๆ
ไนล์พยายามกลืนน้ำลายที่จับตัวเหนียวเป็นก้อนในลำคอที่ยากลำบากเมื่อได้เห็นเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งหันสะบัดหน้าหันมาหาพร้อมกับหมุนลำตัว ขับให้รู้สึกเหมือนความดันของคนมีอายุแทบกำเริบ เมื่อได้เห็นทรวงอกคัพ C อิ่มเต็มภายใต้ชุดว่ายน้ำลายเสือเปียกชื้นน้ำและเศษทรายจากทะเลเล็กน้อย ทำให้พวกบอดี้การ์ดอดไม่ได้ที่จะรีบกระชากแว่นตาสีดำออกจากใบหน้าเพื่อมองหน้าอกทรงโตนั้นให้เต็มสองตา
เอวคอดกิ่ว สะโพกผายกว้าง ประดับกล้ามเนื้อตามแขนขาเล็กน้อยเหมือนคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ดูสะโอสะองเกินที่สายตานับสิบจะเผลอหลุดอุทานออกมาเสียไม่ได้ บวกกับใบหน้าสวยคมล้อมด้วยเรือนผมสีบลอนส์ ดวงตาสีฟ้าอ่อนแฝงความเฉยชาใต้แว่นใสทรงกลมรับกับสันจมูกโด่งเรียวเล็ก ริมฝีปากสีระรื่นอวบอิ่ม ออกสไตล์สาวเอเชียเล็กน้อยก็สร้างความตกตะลึงได้มากรวมถึงคุณหนูเพทราที่นั่งอยู่ในรถก็ด้วยเช่นกัน
เจ้าของใบหน้าคมเข้มประดัหนวดเคราพยายามตั้งสติไม่หวั่นไหวกับสิ่งยั่วยุตรงหน้า ตั้งแต่ที่เห็นหญิงสาวคนนี้เผยเรือนร่างออกมาไม่สนใจสายตาประชาชีก็หัวใจเต้นแรง สั่นรัวราวกับกลองในงานมโหระทึก ความโมโหที่ถูกปาดหน้ารถไปเมื่อครู่มลายหายไปในทันที กลับกลายเป็นความรู้สึกอึ้งทึ่งไม่ต่างกับตอนเจอแม่ของเพทราครั้งแรก ซึ่งเสียไปเพราะโรคร้ายเมื่อหลายปีก่อน
“เธอใหญ่มาจากไหนกัน มาปาด...” “นี่!เลิกจ้องฉันนานๆได้แล้ว ฉันเกลียดพวกโรคจิตที่ชอบมองหน้าอกของผู้หญิงที่สุดเลย ถ้ายังไม่เลิกจ้องอีกล่ะก็ฉันจะเดินไปเตะเรียงคนเลย จะลองไหม....” หญิงสาวพูดแทรกผ่านอากาศขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด พร้อมกวาดสายตามองไปรอบตัว แล้วกระตุกขาเบาๆ เมื่อดวงตาสวยสีฟ้าอ่อนสบเข้ากับสายตาของใคร ก็ต่างหวาดกลัวจนรีบหันหน้ากลับไปทันที
ประมาณว่ารู้สึกได้ หากยังไม่รีบหันหน้าหนีไปคงได้กลายเป็นกระสอบทรายให้นางได้ซ้อมมือเล่นแน่ๆ
“นี่เธอ!!เมื่อกี้นี้เธอขับรถปาดหน้าฉันนะรู้ตัวไหม!! ถ้าเกิดคนขับรถของฉันเหยียบเบรคไม่ทันขึ้นมาจะทำยังไง!!” ไนล์จะคอกใส่ แต่ไร้ความสะทกสะท้านใดๆจากหญิงสาวตรงหน้า ซึ่งทำตัวเหมือนทองไม่รู้ร้อน หูก็ฟังไปแต่มือก็พลางพับเสื้อโค๊ดใส่กระเป๋าผ้าใบใหญ่ที่เธอขนมาด้วยขณะที่ขับรถ ซึ่งในนั้นมีสัมภาระข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวอยู่เต็มไปหมด เธอปิดซิบกระเป๋าแล้วสะพายบ่าก่อนจะตวัดสายตามาหาไนล์
“ไม่มีทางชนอยู่แล้ว คนขับรถนายตื่นตูมไปเองนั่นแหละ ไม่เบรคก็ไม่ชนหรอกน่า ฉันกะระยะความเร็วของรถที่ช้าเป็นเต่าของนายกับรถของฉันที่เร็วกว่า 3 เท่าแล้ว ไม่ว่าจะคำนวณยังไงมันก็ไม่มีทางชนได้ อีกอย่าง ฝีมือการขับรถระดับฉันเนี่ย คำว่า อุบัติเหตุ น่ะไม่รู้จักหรอก” หญิงสาวในชุดว่ายน้ำใช้นิ้วชี้ขยับแว่นทรงกลมพลางส่งสายตาเย่อหยิ่งอวดเก่ง ทำให้ไนล์รู้สึกหมั่นไส้อย่างมากซะจนอยากจะชี้หน้าด่าให้รู้แล้วรู้รอด แต่เนื่องจากสถานที่ที่ไม่อำนวยบวกกับคำพูดของเธอซึ่งคนอย่างเขาไม่เข้าใจมันซักนิดถึงความหมายที่เธอกำลังจะสื่อ จึงทำให้ถึงทางตันคิดคำเถียงกลับไม่ออก ก็คงต้องได้แต่ยอมเธอไป
อะไรกันแม่นี่ เป็นใครกับถึงได้ทำท่าทางเหมือนเก่งนักหนา ไม่รู้รึไงว่าฉันเป็นใคร เป็นถึงท่านชายไนล์จากเมืองมาเรียที่มั่งคั่งเชียวนะ!!
“อ้าว!! คุณริโกะ” เสียงทุ้มนุ่มนวลดังขึ้นจากประตูด้านในของคฤหาสน์ ชักสายตาทุกคู่ให้หันไปมอง ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เรือนผมสีทองสว่างยืนเต็มความสูง มองมายังหญิงสาวผมสีบลอน์ตัดสั้นที่เขาเรียกชื่อว่า ‘ริโกะ’ ทำให้ไนล์ต้องรีบตวัดตามามองเธอที่เชิดคางมองอาร์มินด้วยสายตาเป็นมิตร
ดูท่าว่าอาร์มินจะไม่รู้สึกแปลกอะไรกับการแต่งตัวของริโกะแม้สักนิด นั่นเป็นเพราะว่าครั้งแรกที่อาร์มินเจอกับริโกะที่อเมริกาเธอกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำโดยไม่อะไรสักชิ้นทำให้ทำเอาอาร์มินปิดตาวิ่งหนีออกจากห้องแทบไม่ทัน แถมยังไปไหนมาไหนก็นุ่งสั้นห่มสั้นไม่สนตาใครเป็นปกติจนชินเสียแล้ว
ไนล์เพิ่งจะนึกขึ้นได้ ว่าด้วยวัยของริโกะน่าจะอายุมากกว่าอาร์มินนิดหน่อยเท่านั้น ด้วยเนื้อหนังยังเต่งตึงตั้งแต่ใบหน้าจรดปลายเท้า โดยเฉพาะหน้าอกอิ่มที่ชักชวนสายตาให้จ้องมองนั้นไม่มีท่าทีว่าจะเริ่มหย่อนคล้อยแม้สักนิด หุ่นก็กระชับทุกสัดส่วนไม่อวบท้วมเหมือนผู้หญิงมีอายุทั่วไป แอบทำให้ไนล์ถอนหายใจเบาๆ พอรู้สึกว่าเริ่มจะสนใจแม่สาวคนนี้เข้าก็เผลอลืมนึกถึงอายุไปเสียสนิท เนื่องจากแรงดึงดูดประหลาดจากริโกะทำให้มองเห็นเสน่ห์ซ่อนเร้นภายใน
ยังไง ก็คงต้องตัดใจหากเกิดไปแต่งงานกับริโกะเข้าเดี๋ยวชาวบ้านจะหาว่าวัวแก่กินหญ้าอ่อน...
“แหม..มาเร็วจังเลย คงจะซิ่งมาตามเคยสินะครับ” “ก็ตามนั้นล่ะ เธอก็รู้ดีนี่อาร์มิน ว่าแต่ เราไม่ได้เจอกันนานเลยสินะ ฉันเล่นน้ำทะเลอยู่ทางตะวันออกของเมืองชิน่ากำลังสนุก แต่พอได้ยินสิ่งที่เธอพูดก็รีบบึ่งตรงมาที่นี่เลย” ริโกะหัวเราะกระหึ่มในลำคอพร้อมกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเป็นมารยาท สองคนพูดคุยกันเหมือนคนที่สนิทสนมกันดี แต่มันกลับสร้างความไม่พอใจให้ไนล์เล็กน้อย อาจจะเป็นอาการหึงนิดๆของคนแก่คนหนึ่งที่เริ่มรู้สึกชอบเด็กขึ้นมา
หึ!ที่พูดกับฉันทำยังกับว่าเหม็นขี้หน้าจะตาย พอคุยกับอาร์มินล่ะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว...
“ อ๊ะ!! ท่านชายไนล์ ผมขอแนะนำให้รู้จักกันเลยนะครับ นี่คือคุณริโกะครับ เป็น FBI ชั้นแนวหน้าจากอเมริกาแล้วก็เป็นหมอที่เก่งมาด้วยนะครับ เป็นเพื่อนของผมเอง พอดีช่วงนี้เธอลาพักร้อนผมก็เลยชวนมาเที่ยวที่คฤหาสน์น่ะครับคุณริโกะ นี่ท่านชายไนล์ครับ เป็นเจ้าของคฤหาสน์ที่อยู่ในเมืองมาเรีย และที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ลูกสาวของท่านชาย ชื่อคุณหนูเพทราครับ”
อาร์มินแนะนำอย่างเป็นทางการถึงจะรู้ว่าเป็นการโกหกก็ตาม พลางทอดมองไปยังคุณหนูเพทราที่ค่อยๆก้าวขาออกมาจากรถด้วยท่าทีหวาดระแวงแปลกๆและหันซ้ายแลขวาตลอดเวลา แต่ก็ไม่ค่อยรู้สึกอยากใส่ใจเท่าไรนัก เช่นเดียวกับสายตาของริโกะที่รับรู้ได้เช่นกันถึงท่าทีแปลกๆของแม่คุณหนูผู้มีใบหน้าหวานล้ำ แต่กลับแฝงด้วยความกลัวและหวาดระแวงบางอย่าง เด็กสาวร่างเล็กในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนยาวเลยเข่าพร้อมประดับระบายถี่ๆหนึ่งชั้น เสื้อแขนยาวคอลึกเผยเนินอกแต่ถูกปกปิดด้วยผ้าพันคอสีบานเย็นบางๆ จากการแต่งตัวแสดงถึงบุคลิกเรียบร้อยอ่อนหวานของกุลสตรีที่ถูกฝึกอบรมมาอย่างดี
“อา...ยินดีที่ได้รู้จักแล้วกันนะ” ริโกะยักคิ้วเล็กน้อยพร้อมพูดเสียงเรียบเป็นปกติตามนิสัยของเธอซึ่งเป็นคนที่สนิทกับใครยาก ดวงตาคมสีฟ้าอ่อนช้อนมองชายวัยกลางคนตรงหน้าที่ยืนอ้าปากค้างเมื่อได้ยินว่าเธอเป็น FBI หญิงแนวหน้าซึ่งจะต้องมีฝีมือดีไม่ใช่น้อย แถมยังเป็นหมออีกด้วย แสดงว่าเธอคนนี้คงจะไม่ธรรมดา ![Anchor Anchor](https://lh3.googleusercontent.com/blogger_img_proxy/AEn0k_sz4whG5XT4qciOTJ3fARM2bya7OGxTdMhMAhQbCayMtrFy8XprrKedtCC6dvcuFwFqsCFG5GjVY_ZwI3OhnijBb8FrGeLBjwuVG1tyoS16kkINEviMz_NZSNREK8P5e4yivry8N-o=s0-d)
“อ...อืม เช่นกัน” ไนล์พูดเสียงเรียบกลับไปพร้อมกับหลบสายตาเพื่อปิดบังใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีแดงจางๆ “คิกๆ..” เพทรายกมือขึ้นปิดปากหัวเราะเบาๆ เป็นเรื่องปกติที่นานๆทีจะเห็นคุณพ่อของเธอหน้าแดงเพราะผู้หญิงแบบนี้ ตั้งแต่ตอนที่แม่ของเธอเสียไปคุณพ่อก็ไม่เคยที่จะแลผู้หญิงคนไหนเลยเพราะด้วยเหตุผลว่า ‘ไม่มีใครที่เหมือนแม่ของลูกอีกแล้ว’ แต่เธอมองริโกะเพียงเสี้ยววิก็รู้สึกคุ้นเคยเหมือนครั้งที่เคยอยู่กับผู้เป็นแม่
ทั้งบุคลิกและน้ำเสียงที่คล้ายคลึงกันราวกับลอกเลียนแบบต่างกันเพียงแค่หางเสียงนี่ริโกะไม่มีเท่านั้น
“อ้าว!ท่านชายเอลวิน” อาร์มินอุทานแล้วเรียกชื่อของชายวัยเลขสี่อีกคนที่เดินตามมาจากด้านหลังด้วยสีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อได้รู้ว่าตำรวจ FBI หญิงที่อาร์มินพูดว่าเก่งนักหนา จึงเกิดอยากรู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไรก็เลยอยากจะมาดูและทำความรู้จักกับเธอด้วยตัวเอง
ดวงตาสีฟ้าอบอุ่นทอดมองไปยังหญิงสาวรุ่นไล่ๆกับเอกราชฑูตอาร์มินที่ใส่ชุดว่ายน้ำน้อยชิ้นลายเสือบิดบังหน้าอกทรงโตเอาไว้ ก็ทำเอาเอลวินแทบจะเผลอหลุดอุทานออกมาเบาๆเสียไม่ได้ เมื่อพิจารนาเรือนร่างตั้งแต่หัวจรดเท้าก็พบว่าเธอคนนี้คือสเปคผู้หญิงในฝันที่เห็นตามหนังสือคอเลคชั่นนางแบบต่างๆนาๆ ทั้งที่ทั้งหมดนั้นล้วนมาจากการตกแต่งด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์หรือการศัลยกรรมและการดัดแปลงด้วยเคมีทั้งสิ้น แต่วันนี้มาเห็นของแท้ด้วยตาของตัวเองก็ถึงกับทึ่งไม่ใช่น้อยกับผิวสีน้ำผึ้งที่เป็นธรรมชาติเข้ากับเรือนผมสีบลอนส์เงาสลวยและใบหน้าคมออกไปทางสาวเอเชียที่น่าหลงใหล
นี่น่ะหรอ FBI หญิงที่ว่าเก่ง ไม่อยากจะเชื่อว่าจะสะสวยไร้ที่ติขนาดนี้
“อ..เออ คุณริโกะสินะครับ ผมท่านชายเอลวินเป็นเจ้าของคฤหาสน์นี้ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมได้ยินเรื่องของคุณจากอาร์มินหมดแล้ว เป็นเกียรติจริงๆที่ FBI ทั้งสวยและเก่งอย่างคุณมาเยี่ยมชมคฤหาสน์ของผม” เอลวินพูดแนะนำตัวแล้วยื่นมือให้ริโกะเป็นการทักทายตามมารยาท ซึ่งแผนของอาร์มินให้พูดถึงการมาเยี่ยมเยือนคฤหาสน์เพื่อให้แนบเนียนในสายตาของไนล์และคนอื่นๆ
หญิงสาวมองฝ่ามือหนาของบุรุษร่างสูงใหญ่ที่ดูอัธยาศัยดีและเป็นมิตรเสียยิ่งกว่าท่านชายไนล์ที่เธอเพิ่งขับรถปาดหน้ามาหมาดๆก่อนจะค่อยๆยื่นไปจับมือทั้งสีหน้านิ่งเรียบเหมือนดั่งเคย ทันทีที่เมือทั้งสองได้สัมผัส เอลวินก็กลับรู้สึกว่าฝ่ามือของเธอนั้นหยาบกร้านและเปียกชื้น ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า FBI สาวสวยคนนี้คงจะทำงานหนักมากๆ แล้วด้วยงานตำรวจ FBI ก็ไม่ใช่ว่าเป็นงานสบายเสียด้วย
ไนล์มองมือทั้งสองที่จับกันมั่นก็เกิดหงุดหงิดขึ้นมาเสียไม่ได้ ถึงจะรู้ดีกว่าแค่เป็นการทักทายตามมารยาท แต่ยังไงก็อดรู้สึกฉุนขึ้นมาไม่ได้อยู่ดี ในตอนนี้รู้สึกอยากจะปลีกตัววิ่งเข้าไปแทรกระหว่างสองคนนั้นแทบใจขาดดิ้น แต่ก็ได้แต่กัดฟันกรอดยืนมองอยู่อย่างนั้นโดยที่ทำอะไรไม่ได้ พลางคิดในใจริษยาเพื่อนชายคนสนิทที่ได้จับไม้จับมือกับริโกะอย่างเป็นมิตร แต่สำหรับเขาแล้วริโกะคงมองว่าเป็นเพียงคนแก่คนหนึ่งที่ขี้โมโหเท่านั้น
“ค่ะ..” คำสุภาพที่ฟังไม่สุภาพเอาซะเลยเมื่ออกจากปากสาวสวยคนนี้ น้ำเสียงหนักห้วนๆทำเอาเอลวินเหงื่อแตกพลักๆ และแอบถามตัวเองในใจเบาๆว่าเผลอพูดอะไรผิดรึเปล่า ถึงทำให้เธอไม่พอใจแบบนี้ ริโกะปล่อยมือออกแล้วเดินสวนคนตัวสูงกว่าไปหาอาร์มินที่ยืนอยู่ข้างบานประตูไม้บานใหญ่สีน้ำตาล
“เฮ้อ... เหนื่อยชะมัดเลย อาร์มินมีห้องให้ฉันพักไหม ฉันอยากจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนน่ะ” คำถามที่ควรจะพูดกับเจ้าของคฤหาสน์แท้ๆแต่ดันไปถามอาร์มิน ทำให้เจ้าของสถานที่ตัวจริงที่ยืนเหงื่อตกรู้สึกเหมือนถูกมองข้ามเสียอย่างนั้น หญิงสาวหุ่นสะโอดสะองแต่ตัวเล็กกว่าใครเดินผ่านหลังอาร์มินไปเพียงครึ่งก้าวแล้วสะบัดหน้ากระซิบกับเอกราชฑูตหนุ่มเบาๆ
“ให้ฉันไปเคลียตัวเองให้เสร็จซะก่อน แล้วเรื่องนั้นเราค่อยมาคุยกันนะ”
สิ้นเสียงกระซิบสุดท้าย หญิงสาวในชุดว่ายน้ำชิ้นน้อยก็รวบแขนของอาร์มินมานาบร่องอก ชายหนุ่มร่างสูงสะดุ้งพลันเมื่อได้รับสัมผัสจากเนื้อนุ่มของหน้าอกคัพ C เขาพยายามแกะมือของเธอออกจากการกอดรัด แต่ด้วยกำลังแขนของเขาไม่สามารถสู้แรงของตำรวจ FBI ที่ฝึกฝนและออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมออย่างริโกะได้ ทำให้ไม่สามารถจะดึงแขนของตัวเองออกให้ปลอยภัยจากการพันธนาการ เพียงแต่ปล่อยให้เธอลากตัวเขาขึ้นบันไดไปเพื่อตามหาห้องพักสำหรับแขกที่ยังว่างอยู่โดยไม่สนใจสายตาของชายสูงวัยทั้งสองคนและคนอื่นๆที่ฉายแววริษยาอยู่ด้านหลังพลางภาวนาสาปแช่งเป็นร้อยเป็นพันคำ
“ไนล์ช่วยมาที่ห้องทำงานของฉันหน่อยสิ ฉันมีเรื่องจะคุยน่ะ เรื่องงานแต่งงาน...” ประโยตสุดท้ายของเพื่อนชายทำให้ไนล์ตาโตด้วยความตื่นเต้น ไม่รอช้ารีบตอบตกลกลงแล้วเดินตามเอลวินเข้าไปในห้องทำงาน โดยหารู้ไม่ว่าอันที่จริงเป็นแผนของเอลวินที่จะกักตัวไนล์ไว้ให้อยู่ในห้องทำงานเพื่อให้เป็นทางสะดวกของในการสืบหาฆาตกรของอาร์มินและริโกะ
“คุณพ่อคะ งั้นลูกขอตัวขึ้นไปอ่านหนังสือเงียบๆในห้องสมุดก็แล้วกันนะคะ” เพทราบอกพูดเป็นพ่อที่กำลังเดินเข้าไปในห้องทำงานของท่านชายเอลวิน ซึ่งไนล์เองก็ไม่ได้ว่าอะไรโดยพยักหน้ารับเป็นการบอกว่า ‘พ่ออนุญาต’แล้วเดินเข้าห้องไปด้วยใบหน้าที่สุขใจ
เพทรากระชับผ้าพันคอสีบานเย็นพลางขาเรียวสวยกำลังจะก้าวเดิน แต่ทันใดนั้นก็มีลมทะเลพัดมาอย่างแรงวูบหนึ่งทำให้ผ้าพันคอสีสวยปลิวหลุดไปด้านหลัง “ว๊าย!!” เสียงหวานใสอุทานออกมาเนื่องจากเนินอกของเธอถูกเปิดออกกว้าง เพทราตกใจรีบยกมือเรียวขึ้นปิดไว้ไม่ให้น่าเกลียดหากใครมาเห็นเข้าแล้วหมุนตัวกลับไปหวังจะวิ่งไปตามเก็บผ้าพันคอ
ทันทีที่ดวงตาสีน้ำตาลสวยหวานหันไปเจอผ้าพันคอผืนนั้นก็พบว่ามันอยู่ในมือของชายร่างสูงใหญ่ในเครื่องแบบบอดี้การ์ดที่กำลังยืนมองผ้าสีบานเย็นในมือด้วยความฉงนอยู่ด้านหลังของเธอซึ่งระยะห่างเพียงแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น เพทราใจหวั่นทันทีที่ได้เห็นหน้าของเขา รู้สึกกลัวขึ้นมาทันทีในห้วงความคิดกลับย้อนหวน วันที่เขาช่วยเอาไว้ตอนที่เธอคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย อยากจะขอบคุณเขาแต่ก็ไม่กล้า ...ไม่กล้าแม้กระทั่งจะเข้าไปใกล้ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาอาจจะได้รับอันตรายเพราะเธออีกก็ได้
“คุณหนูเพทรา...คุณเป็นยังไงบ้าง” เอิร์ธถามด้วยสีหน้ากังวลใจแล้วเดินเข้ามาใกล้ทีละก้าวแต่หญิงสาวกลับถอยหนี สร้างความเจ็บปวดแปล๊บๆในอกซ้ายให้ชายหนุ่ม “ฉัน...สบายดีค่ะคุณเอิร์ธ ขอบคุณที่ถามค่ะ” เพทราตอบทั้งมือปิดเนินอกโดยไม่สบสายตาอีกฝ่าย เพราะไม่กล้า...ไมใช่เพราะอายเรื่องที่คอเสื้อของเธอมันกว่างซะจนต้องใช้มือปิด นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งแต่เป็นเพราะความละอายเหลือเกิน ทั้งที่เขาช่วยชีวิตเอาไว้แท้ๆแต่กลับไม่กล่าวขอบคุณสักครั้ง เมื่อคืนในเวลาที่นั่งรถเข้ามาในงานเลี้ยงก็เห็นเอิร์ธส่งสายตาอาลัยอาวรณ์มาให้แต่เธอกลับเบือนหน้าหนีทำเป็นไม่เห็นทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ
“!!!”เพทราสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นเอิร์ธนำผ้าพันคอสีบานเย็นมาคลุมปิดคอเสื้อให้อย่างอ่อนโยนโดยพยายามไม่ให้มือของเขาโดนเนื้อตัวของคุณหนูผู้สูงส่งยิ่งกว่า เพทรากระชับผ้าพันคออีกครั้งแล้วหลบหน้าก่อนจะกล่าวขอบคุณเอิร์ธเบาๆทั้งที่ใจเจ็บจนน้ำตาจวนจะไหลออกมา
อยากจะคุยกับเขา อยากจะสบตา แต่ก็ละอายเกินกว่าจะทำใจกล้าเงยหน้าขึ้นมามองเขาเต็มๆ แค่จะพูดขอบคุณเขาให้ชัดๆยังทำไม่ได้
“คุณหนูเพทรา…”เอิร์ธพูดเรียกชื่อของเด็กสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าจริงจังก่อนจะกลืนน้ำลายที่เหนียวจับตัวเป็นก้อนแล้วพูดประโยคต่อไปที่สร้างความลำบากใจให้อีกฝ่าย “คุณรักผมไหม...” เพทราเงยหน้าขึ้นเร็วพลันเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย คำถามด้วยน้ำเสียงหนักหน่วงจริงจังทำเอาเพทราตาเบิกโพลงด้วยความตกใจพร้อมใบหน้าสวยหวานขึ้นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด คุณหนูวัยเยาว์มองใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษร่างสูงที่ลุ้นระทึกกับคำตอบของเธอจนเหงื่อตก
“ถึงฉันจะตอบอะไรไปมันก็ไม่มีความหมายหรอกค่ะ เราสองคนต่างชั้นกันเกินไป..ยังไงก็เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ” เพทราพูดเสียงแผ่วๆแล้วหมุนตัวก้าวขาเดินหนี “คุณหนูเพทราครับ คือว่าจริงๆแล้วผมน่ะ เป็น....” “พอเถอะค่ะคุณเอิร์ธ..” ร่างบางหยุดเดินแล้วพูดตัดบท เธอสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วกลั้นเอาไว้ชั่วขณะเพื่อทำใจรับความเจ็บปวดในหัวใจที่จะได้รับเมื่อต้องพูดประโยคต่อไป
“ฉัน...กำลังจะแต่งงานค่ะ กับคุณรีไวล์..”
บอดี้การ์ดหนุ่มยืนอึ้งเมื่อได้คำพูดสิ่งนั้น ทันใดนั้นเหมือนตกอยู่ในเหวลึกที่มืดมิดไม่อาจมองเห็นแสงสว่างที่อยู่เบื้องบนได้ ความรู้สึกหลังจากนั้นคือความว่างเปล่า...ไม่อาจจะบรรยายความรู้สึกใดให้อีกฝ่ายเข้าใจ ดวงตาสีฟ้าทอดมองแผ่นหลังบอบบางของเพทราที่สั่นเบาๆราวกับว่ากำลังร้องไห้ ทั้งที่อยากจะบอกความจริงให้เธอได้รู้ แต่เมื่อเธอกำลังจะแต่งงานแล้ว สิ่งนั้นก็คงไม่มีความหมายที่จะต้องบอกอีกต่อไป...
“โปรดออกห่างจากฉันซะเถอะนะคะ ถ้าไม่อย่างนั้น คุณอาจจะไม่ปลอดภัย...” เสียงใสเปล่งออกพร้อมน้ำตาไหลอาบแก้ม ริมฝีปากบางเม้มแน่นไม่ให้เสียงสะอึกสะอื้นเล็ดลอดออกมาทั้งที่ใจเจ็บจนอยากจะร้องไห้โฮออกมาแต่กลับทำไม่ได้... จะไม่ยอมให้เขาได้เห็นน้ำตาจะไม่ให้เขาเห็นว่าเธอกำลังเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป เพราะถ้าไม่อย่างนั้นเขาก็จะไม่ยอมตัดใจจากเธอและพ่อของเธอคงไม่ปล่อยเขาไว้แน่
ต้องอดทนเอาไว้ อดกลั้นเอาไว้ จะต้องเข้มแข็ง จะไม่ให้เขาต้องได้รับอันตรายเพราะเธออีกแล้ว
ร่างอรชรก้าวเดินเข้าไปทางประตูคฤหาสน์โดยไม่พูดอะไรอีก พลางมือเรียวบางบรรจงปาดคราบน้ำตาบนแก้มให้หมดจดแล้วเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนโดยปล่อยให้บอดี้การ์ดหนุ่มยืนอื้ออึงอยู่ที่เดิมไม่ยอมเดินจากไป “ผมต้องตัดใจจากคุณจริงๆสินะครับ...” น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยเบาๆกับตัวเองพลางสายตามองตามหลังหญิงสาวผู้เป็นที่รักไปจนลับตา ดวงใจของบุรุษเหมือนถูกบีบเค้นจนเจ็บช้ำไปหมด
ทั้งที่เฝ้ารอคอยมานาน เฝ้ารอเธอคนนี้มาแสนนานสุดท้ายเขานี่เองคือคนที่คิดไปเองฝ่ายเดียว ซึ่งเธอคนนั้นไม่อาจจดจำอะไรได้เลย ความทรงจำดีๆเมื่อครั้งนั้นเธอคงลืมมันไปหมดแล้วจริงๆ
.
.
เพทราเดินขึ้นบันไดไปจนถึงบนชั้น 4 พร้อมทั้งสีหน้าที่เศร้าสร้อย สิ้นหวังกับความรักที่ไม่มีใครยอมรับ เมื่อครู่เธอพูดคำที่ทำให้อีกฝ่ายต้องช้ำใจ แต่แล้วก็กลับมารู้สึกผิดเองซะอย่างงั้น ในห้วงความคิดไม่ได้มีเพียงเรื่องนี้ เธอย้อนหวนความคิดกลับไปเมื่อคืนวานที่ได้เห็นการฆาตกรรมอันโหดร้ายของบุคคลปริศนาภายในสวนหย่อมของคฤหาสน์หลังนี้ และพ่อบ้านทั้งสองคนที่ต้องมาตายอย่าอนาถด้วยฝีมือของฆาตกรโหดเหี้ยม ซึ่งเธอเองก็ไม่อาจะรู้ว่ามีความโกรธแค้นอะไรกันนักหนาถึงต้องฆ่ากันด้วยวิธีที่โหดร้ายเกินความเป็นมนุษย์แบบนี้
“ฉันควรจะบอกเรื่องนี้กับทุกคนดีไหม แต่ว่าฉันไม่เห็นหน้าของฆาตกรคนนั้นเลยใครจะไปเชื่อฉัน อีกอย่างคนๆนั้นก็เห็นว่าฉันแอบมองอยู่ เขาจะรู้รึเปล่านะว่าเป็นฉัน” เพทราคิดในใจ ทั้งหวาดกลัวและหวาดระแวงระคนทำให้สมองไม่กล้าคิดอะไรไปมากกว่านี้อีก มือสองข้างประสานกันแน่นพร้อมกับร่างบอบบางที่เดินตรงไปที่จุดหมาย คือห้องสมุดใหญ่ของคฤหาสน์ที่ได้ยินมาว่ามีหนังสือทุกชนิดที่อยากอ่านเลยก็ว่าได้
แต่สิ่งที่เธอรู้สึกในตอนนี้ก็คือความเงียบงันจนเหมือนรู้สึกวังเวงแปลกๆยังไงชอบกล ทั้งที่ควรจะมีเหล่าแม่บ้านเดินวนเวียนทำงานทำการของตัวเองแท้ๆแต่กลับไม่มีใครอยู่ในชั้น 4 เลนสักคน ทำเอาเด็กสาวรู้สึกคอแห้งเป็นผงในทันทีและเริ่มอยากจะเปลี่ยนใจวิ่งหนีออกจากชั้นนี้ไปให้เร็วเสียตั้งแต่ตอนนี้ ริมฝีปากบางที่ปกติมีสีแดงอมชมพูในตอนนี้ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ผลักดันให้เพทราต้องรีบหมุนตัวหันกลับไปทางเดิมที่เพิ่งเดินมาเมื่อครู่ทันที
“คุณหนูเพทรา...” เสียงทุ้มเรียบของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของเพทรา ทำให้เจ้าของชื่อต้องค่อยๆหันคอไปมองอย่างช้าๆ
“อ๊า!!!”
เพทราร้องอุทานออกมาพร้อมถัดเท้าถอยหลังไปสามก้าว เมื่อครู่ที่หันไปหาเจ้าของเสียงก็พบว่าใบหน้าของเธอคนนั้นอยู่ห่างจากเธอเพียงไม่ถึงเมตร และเมื่อทันทีที่ดวงเนตรของเธอได้สบเข้ากับอัญมณีสีนิลเข้าก็ถึงกับต้องหวาดกลัวอย่างสุดขีดโดยไม่ทราบสาเหตุ เพทราไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ทราบว่าคนตรงหน้าเป็นแม่บ้านของคฤหาสน์หลังนี้อย่างแน่นอน ดวงตาสีน้ำตาลไหม้มองลักษณะโดยรวมของแม่บ้านสาวก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาแปลกๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรอีกเช่นกัน
“ดิฉันชื่อ มิคาสะ เป็นแม่บ้านของที่นี่ มีอะไรให้ฉันช่วยรึเปล่าคะ คุณหนู” คำถามพร้อมกับยิ้มมุมปกอย่างเป็นมิตรแต่ไมได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอย่างนั้น ตรงกันข้าม มันกลับทำให้รู้สึกกลัวมากขึ้นอีกเป็นทวีคูณเมื่อได้เห็นรอยยิ้มแฝงความเลือดเย็นอัมหิตของมิคาสะ “ม....ไม่มีอะไรค่ะ” เสียงใสสั่นเทาพูดตะกุตะกักด้วยความหวั่นใจเหมือนมีอันตรายอยู่ตรงหน้ายังไงยังงั้น พร้อมเม็ดเหงื่อผุดพรายทั่วใบหน้าจนถึงคอระหงทำให้คนที่ตัวสูงกว่าต้องยักคิ้วสูง
“แน่ใจหรอคะ เหงื่อแตกขนาดนี้เชียว อากาศร้อนหรอคะ หรือว่า...ไปเห็นอะไรมางั้นหรอคะ..” พูดไปพร้อมก้าวขาเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ด้วยความกลัวทำให้เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลต้องถอยหลังหนีไปด้วยเช่นกัน คำพูดของแม่บ้านสาวที่กำกวมผลักดันหัวใจน้อยๆเต้นระรัวราวกับจะระเบิดออกมา ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างและสั่นระริกเบือนไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาของมิคาสะที่จ้องเขม็งมาที่เธอ
“เห็นใช่ไหม..”แม่บ้านเอ่ยเสียงต่ำทั้งสีหน้านิ่งเรียบ ทำให้เพทราถึงกับขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ตอนนี้คงไม่ต้องสงสัยอีกแล้ว คำถามของมิคาสะนั้นชัดเจนขนาดนี้ คนที่จะถามคำถามนี้ได้ก็มีเพียงฆาตกรที่ทำเรื่องโหดเหี้ยมได้อย่างเลือดเย็นเท่านั้น เด็กสาวร่างบางก้มมองขาของตัวเองที่สั่นเกร็งจนแทบจะทรุดนั่ง “ขยับสิ!!!” สมองพยายามสั่งตัวเองให้วิ่งหนีแต่มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้น
มิคาสะเริ่มรู้สึกสนุกขั้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นทีท่าว่าคนตรงหน้านั้นกำลังกลัวเธอจนถึงขนาดไม่กล้าก้าวขาวิ่ง ดวงตาสีนิลคมสวยใต้ขนตาแพยาวอดมองใบหน้าของเพทราที่กำลังหันซ้ายหันขวาหาคนช่วยซึ่งมันไม่มี ทำให้แม่บ้านสาวรู้สึกฮึกเหิมอยากแกล้งเข้าไปอีก
“ตุบ!!!” มิคาสะแกล้งย่ำเท้าขวาไปข้างหน้าทำท่าจะเดินเข้าไปหาทำให้เพทราต้องดึงสัญชาติญาณของตัวเองกลับมาแล้วออกตัววิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
“โอ๊ย!!!!” เสียงอุทานเบาๆจากความเจ็บเปล๊บๆที่หนังศรีษะจากเส้นผมที่ถูกกระชากเข้าหาตัวอย่างแรง แขนอรชรยกมือขึ้นจับมือหยาบกร้านของอีกฝ่ายตามสัญชาติญาณให้ปราณียอมปล่อยเส้นผมของเธอออก แต่มันก็ไม่เป็นอย่างนั้นเพทรารู้สึกเหมือนความตายเข้ามาใกล้เธอทีละนิดๆเมื่อได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายกดมีดสปริงออกมาจี้คอเธออยู่
“ไม่ต้องห่วงฉันยังไม่ฆ่าเธอ...” มิคาสะพูดเว้นวรรคด้วยน้ำเสียงที่น่าขนลุกสร้างความหวั่นให้กับคนที่ถูกดึงผมอยู่ ใบหน้าสวยคมกระแทกแนบพวงแก้มของเพทราอย่างรุนแรงก่อนจะพูดประโยคต่อไป “ถ้าเกิดพูดออกไปล่ะก็เธอจะเป็นแบบนั้น..” มิคาสะใช้สั้นมีดสปริงดันพวงแก้มอีกข้างให้หันไปมองทางซ้าย เพทราแทบหยุดหายใจเมื่อดวงตาสีน้ำตาสะท้อนช่องประตูด้านบนของห้องพักห้องหนึ่ง แต่สิ่งที่ได้เห็นก็คือซากของหนูตัวใหญ่ที่แขวนอยู่บนหน้าต่าง ซึ่งถูกเฉือนช่วงจมูกและปากออกด้วยของมีคมบางอย่าง
ฉันจะเป็นแบบนั้นถ้าฉันพูดออกไป...
สันมีดตวัดดันใบหน้าสวยหวานของกุลสตรีร่างบอบบางให้หันกลับมาสบดวงเนตรสีนิล ทั้งที่อยากจะเบือนหน้าหนีใจจะขาดแต่สันมีดที่ดันใบหน้าเธอนั้นมันทำท่าว่าจะแทงเข้าหน้าเธอได้ทุกเมื่อ “นี่ไงที่เขาเรียกว่าเชือดไก่ให้ลิงดู....ฉะนั้นถ้าเกิดว่ายังรักปากสวยๆของเธออยู่ ก็จงหุบมันไว้ซะ ฉันจะคอยเฝ้ามองเธอ ทุกเวลา ทุกนาทีที่เธออยู่ที่นี่ ไม่ว่าเธอจะคุยกับใคร อยู่ที่ไหน ฉันก็จะตามไป ถ้าคิดจะเล่นตุกติกกับฉันล่ะก็..” “อ๊า!!!” มิคาสะกระชากเรือนผมสีน้ำตาลไปด้านหลังแรงๆพร้อมมีดสปริงในมือทาบริมฝีปากอีกฝ่ายเบาๆเป็นการขู่ ทำให้เพทราตกใจหลุดอุทานออกมาจากลำคอ ความรู้สึกเสียววาบจากใบมีดคมกริบเป็นการเตือนภัยร้ายให้เธอระวังปาก พลางช้อนมองซากหนูที่ถูกตัดช่วงจมูกและปากออกทำให้สมองส่วนลึกย้ำเตือนเอาไว้ในใจซ้ำไปมาจนแทบจะบ้าคลั่ง
มิคาสะปล่อยเส้นผมให้เป็นอิสระแล้วเก็บมีดเหน็บไว้ที่สายรัดถุงน่องสีขาวที่รัดเรียวขอของตัวเองไว้ก่อนจะใช้มือสางเส้นผมของเพทราที่ยุ่งเหยิงให้เรียบสวยเหมือนถูกแปรงหวีใหม่ๆดั่งเดิมอย่างอ่อนโยน นิ้วเรียวสากลูบริมฝีปากของเพทราเบาๆเป็นการย้ำเตือนก่อนเดินกลับขึ้นไปทำความสะอาดบนชั้น 5 ต่อ ปล่อยเพทราที่ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นไว้ที่ชั้น 4 เพียงลำพัง “อย่าพูด อย่าพูด อย่าพูด อย่าพูด” เพทราย้ำตัวเองในใจพร้อมร่างกายที่สั่นเทาเป็นลูกนกแล้วยกมือแตะริมฝีปากของตัวเองเบาๆ
ไม่ได้ฉัน....ฉันต้องไม่พูด อย่าพูด อย่าหลุดออกไปนะ ฉันยังไม่อยากตาย
TBC
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น