วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

[Fic Attack On Titan ] Levi x Eren : Position Part # 14

Position


Part #14


            แอ๊ดดด...


                เสียงประตูเปิดเข้ามาในห้องพักห้องหนึ่งบนชั้น 2 ของคฤหาสน์ ทำให้หญิงสาวที่นั่งพิงหมอนอยู่บนเตียงใหญ่ดีดตัวขึ้นมาทั้งสีหน้าซีดเซียว ดวงตาสีน้ำตาลไหม้หลังเลนส์แว่นสั่นระริกเมื่อค่อยๆชะเงื้อมองคนที่เดินเข้ามา รีไวล์...” เสียงใสเอ่ยชื่อของชายร่างเล็กที่คุ้ยเคยและไว้ใจทำให้โล่งอกถอนหายใจเฮือกใหญ่
ทั้งที่นึกว่าจะเป็นบุคคลอันตราย ร่างกำยำในชุดที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่จากเดิม เดินเข้ามาหาเธอด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบราวกับไม่มีความรู้สึกแล้วเอื้อมมือไปลากเก้าอี้แท่นกลมมานั่งข้างเตียง


                เมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว ฉันมองออกไปทางระเบียงเห็นอาร์มินพาเธอขึ้นมาในห้องนี้แล้วก็ออกไปหาเอลวิน แล้วก็มีผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งขับรถเข้ามาในคฤหาสน์นี้ พร้อมกับท่านชายไนล์และแม่คุณหนูนั่น...” รีไวล์เว้นวรรคคำพูดหยุดมองใบหน้าที่ชุ่มหยาดเหงื่อของเพื่อนสาวที่ดูเหมือนกำลังเสียขวัญก่อนจะพูดประโยคต่อไป มันเกิดอะไรขึ้น ฮันซี่..” ใบหน้าทะเล้นกระตุกเงยขึ้นมามองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังมุ่นคิ้วสงสัยรอคำตอบจากปากของเธอ


                ฮันซี่คอแห้งเป็นผงทันทีที่ได้ยินคำถามชวนลำบากใจ แต่อีกใจก็คิดจะบอกเหมือนกัน เพราะรีไวล์เป็นลูกชายของท่านชายเอลวิน ที่ป่านนี้ท่านอาร์มินก็คงบอกเรื่องศพที่อยู่ในสวนไปแล้ว เธอจึงออกปากเล่าเรื่องที่พบเจอมาให้เพื่อนชายฟังจนจบ แลสังเกตเห็นใบหน้าของรีไวล์ที่แอบซ่อนความตกใจเอาไว้ไม่แสดงออกมา ทั้งที่ในใจก็คงเป็นกังวลไม่แพ้กับเธอ


                ผู้หญิงคนนั้นก็คงจะเป็นหน่วยตำรวจที่ท่านอาร์มินเรียกมาล่ะมั้ง” ฮันซี่พูดเสียงค่อยด้วยความไม่แน่ใจ แต่ก็พอที่จะเชื่อมโยงสถานการณ์ได้  และป่านนี้คนที่ฉลาดหลักแหลมอย่างอาร์มินคงกำลังวางแผนการสืบสวนตามจับฆาตกรคนนั้นอยู่แน่ๆ แต่ในฐานะลูกชายของเจ้าของคฤหาสน์ก็เป็นกังวลมากไม่ใช่น้อยยู่แล้ว


            “เอาเถอะ ยังไงก็ตามเธอก็นอนพักผ่อนไปก่อนแล้วกัน ฉันจะลองไปหาอาร์มินดู ปากคำของฉันอาจเป็นประโยชน์ได้” ร่างเล็กแต่กำยำกว่าใครยืนเต็มความสูงพูดบอกกับฮันซี่นั่งพิงหมอนอยู่บนเตียง เธอพยักหน้ารับแล้วมองตามแผ่นหลังกว้างของเพื่อนชายที่เดินออกจากประตูไปเงียบๆ ปล่อยให้เธอนั่งถอนหายใจเพราะขวัญเสียอยู่ในห้องเพียงลำพัง


ในใจนึกถึงอาร์มินผู้เป็นที่รักโดยทั้งนัยน์ตาที่สั่นไหวหรี่ลงมองเหล่านกน้อยที่โผบินไปเรื่อยๆอย่างสิ้นหวังพร้อมกับเมฆก้อนใหญ่สีหม่น ที่ลอยเข้ามาบดบังแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สว่างไสวทำท่าเหมือนกับว่าฝนจะตกในอีกไม่ช้า เหมือนกับอารมณ์ความรู้สึกของเธอและสถานการณ์ที่วุ่นวายในคฤหาสน์หลังนี้ที่เกิดขึ้นเพราะเพียงบุคคลปริศนาผู้เดียวที่ทำเรื่องชั่วช้าด้วยเหตุผลที่ไม่อาจหยั่งถึง...


.


.


คุณริโกะ ผมไม่แน่ใจว่าแผนของผมมันจะแนบเนียนรึเปล่า..” ชายหนุ่มร่างสูงราวๆ 180 เซนติเมตรก้มหน้าบอกกับหญิงสาวที่ตัวเล็กกว่ามากโข ซึ่งก็ตรงข้ามกับเธอที่ต้องเงยหน้าคุยกับคนตรงหน้าเช่นกัน ดวงตาสีฟ้าอ่อนจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่ออกคล้ายหญิงสาวที่มีหยาดเหงื่อไหลจากหน้าผากลงมาข้างแก้ม นายเลือกได้ดีที่สุดเสมออาร์มิน” ตำรวจสาวร่างเล็กในเสื้อยืดสีเหลืองและกางยีนขาสั้นติ่วไม่ถึงคืบพูดปลอบให้กำลังใจแก่อาร์มินแล้วเอื้อมมือแตะบ่าอีกฝ่ายก่อนจะได้ยินเสียงหนึ่งที่ดังมาจากบันไดข้างๆที่อยู่ไม่ไกลนัก ถ้าขอร่วมด้วยจะว่าอะไรไหม” เสียงทุ้มต่ำของบุคคลปริศนาชักดวงตาของทั้งสองให้หาขวาไปมอง


ร่างเล็กที่กำยำด้วยกล้ามมัดเดินเข้ามาใกล้ ใบหน้าที่ไม่ค่อยคุ้นเคยในสายตาของตำรวจสาวนอกเครื่องแบบจึงต้องมุ่นคิ้วมอง ด้วยสายตาเหมือนมองคนแปลกหน้า เออ.. คุณริโกะครับนี่ก็คือ นายน้อยรีไวล์ครับ ลูกชายของท่านชายเอลวินที่ผมเคยเล่าให้ฟังไง ส่วนคนนี้คือริโกะครับเป็นเพื่อนของผมเอง ช่วงนี้เธอพักร้อนก็เลยมาเยี่ยม...” “ไม่ต้องปิดบังฉันหรอกอาร์มิน ฮันซี่เล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว” รีไวล์พูดแทรกขึ้นมาพร้อมตวัดหางตาไปหาอาร์มิน ทำให้เจ้าของเรือนผมทองชะงักก้มหน้างุดจนคางชิดอก แต่นัยน์ตายังเฉมองนายน้อยรีไวล์อยู่


อ..เออ ขอโทษทีครับ ผมกลัวว่าเรื่องมันจะแพร่ออกไป ก็เลย...” เสียงทุ้มนุ่มนวลตะกุกตะกักด้วยใจที่รู้สึกผิดกับความเครียดทำให้สมองตื้อคิดอะไรไม่ค่อยออก จนคนที่ชาญฉลาดอย่างอาร์มินยังถึงกับต้องกุมขมับ


เอาเถอะ ไหนบอกแผนมาหน่อยสิร่างเล็กกอดอกแน่นจ้องเขม็งมาที่อาร์มิน ด้วยสายตาจดจ่อตั้งใจรอฟังแผนการที่คนตรงหน้ากำลังเอ่ย เพราะรู้ดีว่าคนอย่างอาร์มินแล้ว สำหรับเรื่องนี้ไม่พ้นจะต้องมีแผนที่แยบยล  แผนก็คือ จะให้พวกเราออกไปตรวจสอบศพกันสามคน แต่ผมคิดว่าฆาตกรอาจจะเป็นคนภายใน เพราะงั้น เพื่อให้แนบเนียน อยากให้แยกกันเดินออกไปตามทางอื่นๆ ดีกว่าไปพร้อมกันสามคนแล้วมุ่งตรงไปทางสวนหย่อมทีเดียว เพราะอาจจะทำให้ฆาตกรรู้สึกผิดสังเกตและไหวตัวทันได้ โดยให้คุณรีไวล์กับคุณริโกะเดินไปด้วยกันทางด้านหน้าของคฤหาสน์ ทำท่าทีว่าพาแขกไปเยี่ยมชมรอบๆคฤหาสน์ภายในเท่านั้นแล้วเข้าทางลัดไปโผล่ที่สวน ส่วนผมจะแอบย่องไปทางใต้ดิน คงจะไม่เป็นไร เพราะผมมักจะเอาหนังสือเก่าๆในนั้นมาอ่านประจำอยู่แล้วครับ จากนั้นพอเราตรวจรอบๆสถานที่เกิดเหตุเสร็จแล้วก็แบกสองศพนั้นมาไว้ในห้องวิจัยลับของผม เพื่อให้คุณริโกะตรวจสอบศพต่อไปครับ จากนั้นก็มาสมทบกับท่านชายเอลวินในตอนเย็นที่ห้องโถงเพื่อปรึกษาหารือเบาะแสที่ได้มา แต่ผมก็ยังไม่มั่นใจกับแผนนี้อยู่ดีว่าจะแนบเนียนได้แค่ไหน


เม็ดเหงื่อผุดพรายทั่วใบหน้าของเอกราชทูตหนุ่มที่มากความสามารถและผ่านชีวิตมามากมายกว่า 25 ปี มือหนาล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าภายในกระเป๋าเสื้อด้านในแล้วบรรจงเช็ดเหงื่อบนหน้าผากจนผ้าเช็ดหน้าเปลี่ยนเป็นสีหม่น ดวงตาสีฟ้านุ่มนวลทอดมองสายตาของริโกะและนายน้อยรีไวล์ที่มองมาที่เขาเหมือนกับเห็นด้วยกับแผนการ


แผนนี่ก็ไม่เลว..” เสียงทุ้มต่ำของนายน้อยทำให้อาร์มินเริ่มมีกำลังใจขึ้นมาเล็กน้อย หึ!ชักจะสนุกขึ้นมาแล้วสิ งั้นก็ตามแผนนั่นล่ะ ตอนนี้ท่านชายเอลวินพาท่านชายไนล์ไปอยู่ในห้องทำงานตามแผนแล้ว ฉันคิดว่าตอนนี้เป็นเวลาที่สะดวกที่สุดหญิงสาวร่างเล็กกระตุกยิ้มมุมปากแลเห็นประตูห้องทำงานของเจ้าของคฤหาสน์ที่ไม่มีทีท่าว่าจะออกมาเร็วๆนี้เลยทำให้เธอเริ่มตื่นเต้นกับการที่จะได้เริ่มสืบคดีมาหน่อยๆแล้ว


ริมฝีปากแบบางของชายร่างสูงเม้มแน่นด้วยความมั่นใจอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดของตำรวจหญิง FBI ที่มากไปด้วยความคิดเฉียบคม สามร่างจึงไม่รอช้า เดินแยกย้ายกันไปคนละทิศทางโดยให้รีไวล์ไปกับริโกะทางด้านหน้าของประตู ส่วนอาร์มินเดินลัดไปที่ทางใต้ติดซึ่งเป็นที่เก็บหนังสือตำราเก่าๆไว้มากมายแล้วทะลุออกมาทางสวนหย่อมตามแผนการ


ดวงตาสีนิลเลือดเย็นหม่นหมองบนระเบียงชั้น 6 สะท้อนภาพของนายน้อยรีไวล์ที่เธอเกลียดชังเสียยิ่งกว่าสิ่งใดกับหญิงสาวอีกคนที่เธอเคยแอบเห็นอยู่บนระเบียงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ดูท่าว่าจะเป็นแขกที่ถูกรับเชิญมาโดยท่านชายเอลวิน” มิคาสะพูดงึมงำกับตัวเองโดยที่ไม่ได้สงสัยอะไร ก่อนหน้านี้เห็นจับมือทักทายกับท่านชายเอลวิน ดูทาว่าจะไม่เคยเจอกันมาก่อน มิคาสะถอนหายใจแรงๆกับการที่รับรู้ว่ามีแขกมาเยี่ยมคฤหาสน์ ทำให้คนที่เป็นแม่บ้านอย่างเธอก็ต้องวิ่งไปมา คนเสริฟนั่นเสริฟนี่ตามหน้าที่ที่แสนจะเบื่อหน่ายจนบางครั้งคิดอยากชวนเอเลนลาออกไปทำงานที่อื่นที่ดีกว่านี้ แต่สิ่งที่ผู้เป็นที่รักตอบกลับมาคือสิ่งที่ใจเธอไม่เคยถวิลหา


ฉันมีความสุขที่สุดที่ได้ทำงานรับใช้นายน้อยรีไวล์ ชีวิตนี้ฉันไม่คิดจะที่ไปไหนอีกแล้ว ฉันตั้งใจว่าจะอยู่รับใช้คนในคฤหาสน์นี้จนวันจะตาย


มิคาสะนึกถึงคำนั้นก็เผลอเบ้ปากออกมาเสียไม่ได้ที่คำพูดของเอเลนสื่อไปในทางที่ว่าเห็นไอ้เด็กเตี้ยหน้าตายที่เพิ่งเจอกันไม่พี่ปีดีกว่าเธอผู้เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็กเสียอีก นึกแล้วก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้จริงๆ มิคาสะหมุนตัวเดินกลับไปคว้าไม้ถูพื้นกับไม้ปัดขนไก่ที่แขวนอยู่ใกล้ๆแล้วเดินกระแทกน่องลงไปทำงานอื่นๆต่อที่ยังไม่เสร็จอีกมากมายเกินกว่าที่วันนี้ทั้งวันจะทำหมด ในใจหวนคำนึงสิ่งหนึ่งที่ทำให้หัวใจมีแรงกระตือรือร้นในการทำงานมากขึ้น


ไม่ได้ ฉันจะเหนื่อยไม่ได้ ถ้าฉันยังทำไม่เสร็จ เอเลนตื่นขึ้นมาก็ต้องมาเหนื่อยแทนฉันอีก ร่างกายที่บอบบางแบบนั้นฉันจะยอมให้มาทำงานหนักๆได้ยังไง


.


.


.


ในห้องนอนสะอาดสะอ้านภาย ในที่พักของคนงานภายในรั้วคฤหาสน์ใหญ่โต ทำให้ภายในที่พักของคนงานที่ไม่ควรจะหนูหราเกินหน้าตากลับกว้างไปด้วย ภายในห้องหนึ่งบนเตียงสีขาวที่รกยุ่งจากที่ไม่ได้จัดเก็บอย่างเรียบร้อยเหมือนทุกวัน ร่างสูงโปร่งบอบบางที่ยังสลบไสลเพราะฤทธิ์ยาลดไข้ที่กินไปไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ใบหน้าหวานล้อมเรือนผมสีน้ำตาลดั่งเปลือกไม้สดที่ซุกอยู่กับเศษผ้าดูเปล่งปลั่งอิ่มเอมขึ้นจนเห็นพวงแก้มเป็นสีแดงจางๆ จากที่ไม่นานมานี้ซีดเผือกราวกับว่าไม่มีเลือดไหลเวียนอยู่บนหน้า


นัยน์ตาสีเขียวค่อยๆปรือขึ้นช้าๆพร้อมกับสมองที่ค่อยๆตื่นตัวหลุดจากห้วงนิทรา สิ่งที่ดวงตากลมโตใต้ขนตาแพยาวมองเห็นเป็นสิ่งแรกคือชิ้นส่วนจากเสื้อผ้าของนายน้อยรีไวล์ผู้รักและภักดียิ่ง ที่ทิ้งสิ่งนี้เอาไว้ในห้องให้เขาคิดหวนคำนึงแม้กายาต้องห่างออกมา ร่างบางดันตัวให้ลุกขึ้นนั่งจากท่านอนแล้วเอื้อมมือหยิบนาฬิกาปลุกหัวเตียงมาเพ่งมองเลขบอกเวลาในขณะนี้ ‘13:18’ หลังจากที่โสตประสาทรับรู้ตัวเลข เจ้าของห้องก็หันไปวางมันลงบนหัวเตียงที่เดิม


นี่ฉันหลับไปแค่สองชั่วโมงเองหรอเนี่ย


เอเลนพูดพึมพำกับตัวเองเมื่อได้คำนวณเวลาตั้งแต่เริ่มเอนตัวนอนจนถึงตอนนี้ซึ่งมันช่างสั้นเหลือเกินสำหรับคนที่รู้ตัวว่าไข้ขึ้นสูงขนาดไหน แต่ในตอนนี้เขากลับไม่มีแม้อาการปวดหัวตุบๆหรือมองว่าโลกหมุนได้แม้สักนิด ทั้งที่มันควรจะยังเป็นอยู่ เมื่อความคิดสงสัยกึกก้องอยู่ในหัวทำให้สายตาตวัดหันไปมองข้างกายที่มีชิ้นส่วนของเสื้อผ้าเนื้อดีสีดำสนิทยับยู่ยี่ที่เขานอนเอาหน้าซุกมาตลอดสองชั่วโมงก่อนจะหยิบมันขึ้นมามองอย่างฉงน


รึว่าอาจจะเป็นเจ้านี่ที่ทำให้หายไข้กันนะ แต่จะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะ ฉันนี่ท่าจะเพี้ยนซะแล้ว คิดได้ยังไงเนี่ย


ชายหนุ่มพ่อบ้านในชุดลำลองพูดกับเศษผ้าสีดำพร้อมกับเบ้ปากราวกับคนบ้าที่พูดกับสิ่งไม่มีชีวิตและไม่อาจโต้กลับให้คำตอบกับเขาได้ เอเลนกระพริบตาถี่ๆพร้อมสะบัดเมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังพูดอยู่กับเศษผ้าไร้ชีวิต แต่อีกใจกลับรู้ว่ามีความทรงจำที่เขาพยายามลืม จึงตัดใจโยนเศษผ้าไปข้างหลังแล้วไม่ยอมหันไปมองมันอีก ในตอนนี้หัวใจพยายามปัดเรื่องนั้นออกไปให้พ้นจากห้วงความคิดและแทนที่ด้วยเรื่องงานที่ต้องทำ ซึ่งมันทำให้รู้สึกแปลกๆไม่ใช่น้อยที่ไม่ได้ไปปัดกวาดเช็ดถูภายในคฤหาสน์อาจเป็นเพราะปกติทำเป็นประจำทุกวันก็เลยทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ


ไม่ได้แล้ว ต้องรีบออกไปเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นมิคาสะก็แย่งทำหมด ขายหน้าแย่.. จิตใจร้อนรนด้วยศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย ที่ยังหลงเหลือสัญชาติญาณความเป็นผู้นำอยู่ รู้ถึงไหนอายถึงนั่นหากว่าผู้ชายอย่างเขา ให้ผู้หญิงอย่างมิคาสะมาทำนู่นทำนี่แทนให้ราวกับว่าโดนวีรสตรีดูถูกเหยียดหยามดั่งเช่นเขาไม่มีมือเท้า รับเงินเดือนมาเต็มๆโดยที่ยังไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองมากเท่าที่ควรจะทำ


เมื่อนึกถึงเพื่อนร่วมงานก็พลางนึกถึงเพื่อนร่วมงานอีกสองคนที่ไม่อยากจะเรียกว่าเพื่อนอย่างพ่อบ้านแจน และโคนี่ ซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้แอบไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ไม่เห็นมาตั้งแต่เมือคืนแล้ว หลังจากที่แจนถามว่าเห็นโคนี่บ้างรึเปล่า ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดเอะใจอะไรแต่พอมาวันนี้กลับไม่เห็นแจนไปด้วยอีกคน แม้แต่เงาหัวก็ไม่มีโผล่ ริมฝีปากบางเบ้ออกด้วยความหมั่นไส้


ชิอู้งานสบายกันจริงนะ..


.


.


ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกอย่างรีบร้อนพร้อมกับร่างสูงโปร่งที่วิ่งเข้าไปโดยคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กที่แขวนอยู่ที่ตู้เสื้อผ้าไปด้วยแล้วเริ่มเปิดฝักบัวอาบน้ำฟอกสบู่จนเสร็จเรียบร้อย จากนั้นจึงเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่แขวนไว้ที่ราวห้องน้ำข้างกระจกบานใหญ่มาเช็ดทั่วร่างกาย แต่สิ่งที่ทำให้ดวงตาสีมรกตต้องหยุดชะงักอยู่หน้ากระจก ชักจูงความสนใจให้ต้องเดินไปใกล้ๆมันเพื่อสำรวจร่างกายให้ชัดๆ


ประจกใสสะท้อนร่างกายผอมบางประดับกล้ามเนื้อเล็กน้อยจากการทำงาน แต่สิ่งที่ทำให้เอเลนต้องตกใจก็คือรอยสีกุหลาบแดงเป็นจ้ำๆทั่วรอยกายนับร้อยตั้งแต่คอระหงมาจนถึงท่อนล่างที่เสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว ร...รอยอะไรเนี่ย น...น่ากลัวจัง” ด้วยความไม่รู้สาเรื่องเพศแม้อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้วแท้ๆ แต่เมื่อลองใช้นิ้วกดลงไปก็ไม่รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด ขนาดอาบน้ำแล้วทำไมมันยังไม่ออกอีกเนี่ย!!” เอเลนตื่นกลัวกับรอยห้อเลือดบนร่างกาย แต่ว่าความคิดเรื่องรอยตรีตรานั่นก็หายไปเมื่อดวงตมกลมโตช้อนมองนาฬิกาแขวนบนพนังห้องน้ำทำให้รับรู้ว่าตอนนี้เขากำลังเสียเวลาไปกับการสำรวจร่างกายไปเกือบสิบนาทีเสียแล้ว


ช่างมันเถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนั้น


เอเลนรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปแต่งตัวด้วยชุดพ่อบ้านสีดำสนิทแทบทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเร่งรีบจนเสร็จแล้วพุ่งออกมาจากห้องพัก แต่ทันทีที่ร่างพ้นประตูออกมาก็เจอหญิงอีกร่างหนึ่งยืนหันซ้ายหันขวาอยู่ไม่ห่างจากที่พักเท่าไร ดูท่าว่าคนตรงหน้ากำลังหลงทางอยู่ จากระยะห่างที่ไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าไรนักทำให้เจ้าของนัยน์ตาสีมรกตพอจะเดาออกว่าคนตรงหน้าเป็นคุณหนูผู้สูงส่งที่มาจากเมืองมาเรีย


เรือนผมสีน้ำตาลออกส้มเป็นเอกลักษณ์สะบัดพลิ้วเบาๆเมื่อใบหน้าสวยหวานหันซ้ายแลขวามองพื้นที่รอบๆตัวที่เผลอเดินเข้ามาแล้วหาทางกลับไม่ได้ บวกกับเป็นกังวลใจเมื่อปรือตามองท้องนภาที่เริ่มเป็นสีหม่นๆ และเมฆสีครึ้มเริ่มลอยมาบดบังแสงตะวันยามบ่ายทั้งที่ควรจะสดใส เธอรับรู้ได้ว่าฝนกำลังจะตกในอีกไม่ช้าทำให้จิตใจเริ่มกระวนกระวายรีบหาทางกลับคฤหาสน์โดยเร็ว แต่ด้วยรอบมีแต่เพียงทุ่งหญ้าและต้นไม้ที่มองเหมือนๆกันไปหมดทำให้เธอเริ่มละเหี่ยใจ เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็ไม่อาจรู้ได้เสียทีว่าทางไหนที่เธอเดินมาก่อนหน้านี้


คุณหนูเพทรา... คุณหลงทางหรอครับ


เสียงทุ้มหวานของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ทำให้เพทราตาโตรีบสะบัดหันไปมองพร้อมกับขยับกายหนีตามสัญชาติญาณความหวาดระแวงของตัวเอง ด้วยท่าทางของคนที่ตัวเล็กกว่าทำให้พ่อบ้านหนุ่มถึงกับมีเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ๆอยู่ในหัว กับที่เห็นเด็กสาวมองหน้าเขาชัดๆแล้วก็ลอบถอนหายใจเบาๆยิ่งทำให้เกิดความสงสัยมากเข้าไปอีก


อา...ผมต้องขอโทษด้วยครับถ้าทำให้คุณตกใจ ผมชื่อเอเลน เป็นพ่อบ้านของคฤหาสน์นี้ครับ” เอเลนพูดแนะนำตัวพร้อมโค้งตัวลงเล็กน้อยทำความเคารพแด่คนที่มียศเป็นถึงชนชั้นสูง แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบดวงตาสีน้ำตาลกลมโตด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทำให้เพทรารู้สึกโล่งใจขึ้นเมื่อมองภายในดวงตาสดใสของอีกฝ่ายที่ใสซื่อบริสุทธิ์ไม่มีพิษภัยหรืออันตรายแม้แต่น้อย ต่างจากแม่บ้านมิคาสะที่เธอเจอก่อนหน้านี้ ขู่ฆ่าเธอด้วยดวงตาที่แสนอัมหิตเลือดเย็นยิ่งกว่าสัตว์กินเนื้อเสียอีก


ผมเห็นคุณมายืนตรงนี้สักพักแล้ว มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ


ขอโทษนะคะ พอดีว่าฉันเกิดเดินหลงทางมาที่นี่แล้วหาทางกลับไม่ได้ แล้วก็...เห็นท้องฟ้าก็เหมือนว่าฝนจะตก ฉันสุขภาพไม่ค่อยดีถ้าโดนฝนเข้ากลัวว่าจะไม่สบายน่ะค่ะ” หญิงสาวพูดทั้งสีหน้าที่เป็นกังวลที่กรรมพันธุ์ของแม่ทำให้เธอเกิดมาเป็นคนที่ไม่ค่อยมีภูมิต้านทาน ร่างกายอ่อนแอกว่าคนปกติ ถึงขนาดว่านอนไม่เพียงพอแค่เพียงวันเดียวก็ทำให้เป็นลมได้เลย ในเวลานี้ฝนก็จะตกอยู่ร่ำไรหากโดนฝนเข้า มีหวังได้เข้าโรงพยาบาลอีกแน่ๆ


ถ้าคุณหนูเพทราไม่รังเกียจ ให้พบพากลับไปส่งละกันนะครับ” เอเลนพูดน้ำเสียงปกติแฝงด้วยความหวังดีทำให้เพทราดีใจและไม่ปฏิเสธให้พ่อบ้านนำทางเดินกลับไปยังคฤหาสน์ แต่ในระหว่างทางเดินก็เงียบๆพิกล ทำให้เอเลนอดไม่ได้ที่จะเริ่มเป็นฝ่ายพูดคุยกับคุณหนูผู้สูงส่งยิ่งกว่า


คุณหนูเพทรา ทำไมถึงมาเดินอยู่คนเดียวล่ะครับไม่ได้อยู่กับท่านชายไนล์หรอกหรอ..” ตั้งแต่เห็นเธอยืนอยู่แถวที่พักของคนงานก็เริ่มความสงสัย เห็นปกติก็อยู่กับผู้เป็นพ่อเสมอเหตุไฉนท่านชายผู้หวงลูกถึงได้ยอมปล่อยให้เธอมาเดินชมนกชมไม้อยู่เพียงลำพัง เห็นคุณพ่อเข้าไปคุยกับท่านชายเอลวินเรื่องงานแต่งงานน่ะค่ะ ฉันไม่อยากรบกวนก็เลยขอตัวไปอ่านหนังสือบนห้องสมุด แต่ก็เจอ...” เพทราลากเสียงยาวพยางค์ท้ายแล้วหยุดชะงักไป ทำให้เอเลนต้องเฉตามามองคนที่ตัวเล็กกว่า แต่สิ่งทีเห็นก็คือ มือเรียวที่ยกป้องปาก ปิดใบหน้าท่อนล่างเอาไว้ โดยที่ทั้งสีหน้านั้นไม่ค่อยจะสู้ดี  กับเสียงอึกอักๆราวกับว่าจะอาเจียนออกมาทำให้ชายร่างสูงที่ยืนข้างๆตกใจ รีบย่อตัวลงมามองใบหน้าของเธอให้แน่ใจ


ทำท่าทางเหมือนจะอาเจียจริงๆด้วย...


คุณหนูเพทราเป็นอะไรครับ ไม่สบายซะแล้วหรอ..” เอเลนถามทั้งสีหน้าตื่นตระหนกคิดว่าคนตรงหน้ากำลังคลื่นไส้จากบรรยากาศรอบๆพื้นที่จนถึงกับจะอาเจียนออกมา แต่หารู้ไม่ว่าในประโยคสุดท้ายที่เด็กสาวจะเอ่ยคือ แม่บ้านมิคาสะ’ เพื่อนสนิทของเขาเอง แต่เมื่อในห้วงความคิดของเธอมีใบหน้าที่แฝงความน่ากลัวสุดขั้วหัวใจของหญิงสาวคนนั้นผุดขึ้นมาก็พานึกตามไปจนถึง ณ เวลาที่เธอกำลังถูกสันมีดดันให้มองซากศพของสิ่งมีชีวิตที่ถูกเฉือนช่วงปากออกก็ทำเอาเสียวไส้สะท้านขึ้นมาจนถึงริมฝีปาก


ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่เป็นไร.. แค่คลื่นไส้หน่อยๆเท่านั้นเอง..

อยู่ๆก็คลื่นไส้.. ไม่เป็นอะไรแน่นะครับ

ค่ะ.. ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ” เพทราฝืนยิ้มแห้งๆโดยมือขวาทาบอกซ้ายที่มีหัวใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาก็ไม่ปาน  เอเลนที่เห็นอย่างนั้นก็ยังไม่ค่อยวางใจเท่าไรแต่เมื่อคำว่า ไม่เป็นไร’ ออกมาจากปากเธอก็ทำให้คิดว่าคงไม่เป็นไรจริงๆ แค่ก็ยังคาใจกับประโยคสุดท้ายที่เธอยังพูดไม่จบ


ถ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับ ว่าแต่.. เมื่อครู่คุณหนูเพทราบอกว่าเจออะไรหรอครับ” พ่อบ้านถามตามความคิดสงสัยของตัวเอง เมื่อเพทราได้ยินอย่างนั้นก็ลอบถอนหายใจเบาๆก่อนจะหันหน้าไปยิ้มให้แล้วตอบคำถามที่อีกฝ่ายคาใจ เจอคุณแม่บ้านมิคาสะกำลังทำความสะอาดห้องสมุดอยู่ค่ะ เธอบอกว่าห้องสมุดไม่มีคนเข้าไปนานแล้วก็เลยมีแต่ฝุ่นเลอะสกปรกไปหมดเลย ฉันเป็นโรคภูมิแพ้อยู่ด้วยก็เลยเปลี่ยนใจออกมาเดินเล่นแทนอ่านหนังสือน่ะค่ะ” คำตอบที่โกหกทั้งเพของเพทรากลับทำให้เอเลนพยักหน้าเข้าใจทั้งๆที่เธอเป็นคนที่โกหกไม่เก่งกับสีหน้าที่เจ้าตัวรู้ดีว่าแสดงพิรุธออกมาชัดเจนแท้ๆ ทำให้เธอรับรู้ได้ทันทีอย่างไม่ต้องคาดเดาว่าพ่อบ้านคนนี้เป็นคนที่เรียกได้ว่าใสซื่อซะจนเรียกว่าบื้อเลยจริงๆ


.


.



สองหนุ่มสาวเดินมาเรื่อยๆจนในที่สุดก็มาถึงหน้าคฤหาสน์ พอดิบพอดีกับช่วงเวลาที่ท่านชายไนล์กับท่านชายเอลวินเปิดประตูออกมาจากห้องทำงานทั้งที่หันหน้าคุยกันอยู่ แต่แล้วสองสายตาหน้าห้องทำงานก็ตวัดหันมามองสองร่างที่อยู่ตรงหน้าประตูใหญ่ด้วยสีหน้างงๆ ว่าพ่อบ้านของคฤหาสน์เหตุใดถึงได้มาอยู่กับคุณหนูเพทราได้ แต่ข้อสงสัยก็หมดไปเมื่อเพทราพูดขึ้นว่า ขอบคุณมากนะคะคุณพ่อบ้านที่พาฉันมาส่ง ไม่งั้นฉันคงหลงทางอยู่ตรงนั้นอีกนานแน่เลยค่ะ...” เพทราพูดเปรยๆให้คนเป็นพ่อรับรู้ความเป็นมาจะได้ไม่เข้าใจผิดหาว่าเธอใฝ่ต่ำเริ่มปันใจให้แก่คนที่ไม่เหมาะสมอีก


ด...ด้วยความยินดีครับ..” เอเลนเห็นเด็กสาวยิบตามาให้ก็รู้ได้ทันทีถึงความคิดของอีกฝ่ายและอีกสองสายตาที่เฝ้ามองอยู่ด้านใน แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อมือหยาบกร้านของชายวัยกลางคนผู้เป็นพ่อของคุณหนูเพทรายื่นมาตบบ่าแรงๆจนแทบเซ พร้อมร่างใหญ่ยืนตระหง่าอยู่ข้างกายโดยที่ไม่รู้ว่าเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ขอบใจที่พาลูกสาวฉันมาส่งนะ คำพูดด้วยรอยยิ้มของชายวัยกลางคนที่เต็มไปด้วยความน่ากลัวบางอย่าง กับสายตาที่สื่อมาถึงเขาว่า อย่าได้ใจไป..


สมคำร่ำลือของท่านชายไนล์ผู้กล่าวขานว่าหวงลูกเสียยิ่งกว่าหมาหวงกระดูกซะอีก


เฮ้.. ไนล์เมื่อกี้ที่นายรับโทรศัพท์ แล้วก็รีบวิ่งออกมาเลย มีอะรึเปล่า..” เอลวินถามเอ่ยขึ้นถามเพื่อนชาย ทำให้ไนล์ต้องละสายตาจากพ่อบ้านมามองที่เพื่อนสนิทวัยเดียวกัน ท่านหม่อมราขวงศ์พิคซิสโทรมา บอกว่าเพิ่งสร้างโครงการใหม่ในรั้ววังเสร็จไป ท่านเลยอยากให้ฉันไปดูเดี๋ยวนี้เลย” เจ้าของใบหน้าคมเข้มประดับหนวดเคราเล็กน้อยพูดบอกกับเพื่อนสนิททั้งสีหน้าเหยเกไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก ที่ถูกขัดจังหวะเวลาการวางแผนเรื่องงานแต่งงานของบุตรสาวซึ่งเขากำลังเพลิดเพลินอยู่กับการเลือกดอกไม้ตกแต่งที่สวยงามหลากหลายแท้ๆ


หม่อนราชวงศ์พิคซิส.... ฉันก็เคยได้ยินมาบ้างนะ ที่เป็นคนสนิทขององค์ราชาในประเทศเพื่อนบ้านของเราน่ะหรอ...” ชายผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์นึกขึ้นได้ทันทีที่ได้ยินชื่อของ หม่อนราชวงศ์พิคซิส’ ผู้ถูกกล่าวขานว่าเป็นผู้ที่มีปัญญาปราดเปรื่อง เป็นที่ปรึกษาขององค์ราชาในทุกๆเรื่อง และที่สำคัญเท่าที่เขารู้มา พ่อของไนล์ก็เป็นเพื่อนสนิทกับท่านอีกด้วย จึงไม่แปลกที่ท่านจะรู้จักไนล์ตั้งแต่ออกจากท้องแม่ใหม่ๆ ราวกับว่าเป็นญาติอีกคนเลยก็ว่าได้ แต่ไนล์เองกลับไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องของท่านพิคซิสเท่าไร เพราะคุยกันทีก็มีแต่เรื่องที่ใช้ความคิดประหลาดๆจนแทบจะเรียกได้ว่าบ้า


.


.



ขอโทษด้วยนะเอลวิน ที่ฉันคงต้องไปก่อน เสร็จแล้วจะรีบกลับมานะ” ไนล์โบกมือลาเพื่อนสนิทที่ยืนส่งอยู่หน้าประตูแล้วจับมือบุตรสาวพาขึ้นรถไป นัยน์ตาสีเขียวขงอพ่อบ้านสะท้อนภาพรถที่ขาวคันใหญ่ที่ถูกขับออกไปจนลับสายตา หลังจากบรรยากาศเงียบไปสักพักทำให้ในหัวมีเรื่องของงานเข้ามาอีกครั้ง ร่างบางต้องหมุนตัวหมายจะเดินเข้าไปในคฤหาสน์พ่อทำงานของตัวเอง แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อดวงตากลมโตสบเข้ากับสายตาของผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์


ทั้งที่เคยดูอ่อนโยน แต่ตอนนี้กลับดูดุดัน


เอเลนคอแห้งเป็นผงทันทีเมื่อโสตประสาทนึกย้อนกลับไปเมื่อเช้าที่นายน้อยรีไวล์อุ้มเขาออกมาจากห้องต่อหน้าต่อตาผู้เป็นพ่อ เกิดละอายใจไม่กล้าสบสายตาเจ้านายผู้เมตตาเขามาแต่ไหนแต่ไรแต่สิ่งที่เขาตอบแทนกลับไปเป็นความเลวร้ายเกินกว่าหัวใจของผู้เป็นพ่อจะยอมรับได้ ดวงตาสีมรกตเบือนหลบทันทีเมื่อสังเกตว่าท่านชายเอลวินลอบถอนหายใจทั้งคิ้วหนาที่ขมวดแน่น ยิ่งทำให้เอเลนที่ยืนเหงื่อแตกพลักๆจนอยากจะวิ่งหนีออกจากพื้นตรงนี้ไป


หายไข้แล้วหรอ...

ครับ

เร็วดีนะ คงจะได้ยาดีล่ะสิ

ครับ


.


.


บรรยากาศ ณ เวลานี้เงียบสนิทไม่มีใครพูดอะไรต่ออีก มีเพียงเสียงของลมทะเลรอบเมืองที่พัดผ่านมาเย็นๆให้ต้นไม้ใบหญ้าเสียดสีกันจนเกิดเสียงแซดๆ กับท้องฟ้าสีครึ้มที่มีเมฆปกคลุมไปทั่ว ชายต่างวัยสองคนที่ยืนประจันหน้ากัน แต่อีกคนหนึ่งกลับยืนก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย ดวงตาสีฟ้าจ้องเขม็งมาที่พ่อบ้านหนุ่มที่ยืนแข็งเป็นหิน ยิ่งเห็นหน้าก็ยิ่งรู้สึกทนไม่ไหวอีกต่อไปที่จะยอมใจอ่อนกับคนที่เคยไว้ใจแล้วมาลอบแทงขางหลังกันอย่างเอเลน


เอเลน นายคงรู้ดีนะว่าทำอะไรลงไป” เสียงทุ้มที่เคยนุ่มนวลตอนนี้มันกลับเป็นน้ำเสียงที่สั่นเครือไปด้วยความโกรธแต่ก็ยังพยายามระงับเอาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ เอเลนพยายามกลืนน้ำลายที่จับตัวเป็นก้อนอยู่ในคอก่อนจะค่อยๆเอ่ยตอบผู้เป็นเจ้านาย ผม... ขอโทษครับ ผม...” น้ำเสียงที่สั่นเครือคล้ายกับจะร้องไห้ของพ่อบ้านที่ใจภักดีไม่ได้ทำให้หัวอกของคนเป็นพ่อโอนอ่อนลงแม้แต่น้อย มีเพียงทิฐิที่ยังคงหนักแน่น และมากขึ้นเรื่อยๆเท่านั้น


ขอโทษ ถ้านายอยากจะขอโทษล่ะก็ ต่อไปนี้อย่ามาเข้าใกล้รีไวล์อีก นายก็น่าจะรู้อยู่แล้ว ว่ารีไวล์กำลังจะแต่งงาน” เสียงทุ้มต่ำที่ดุดันกับประโยคสุดท้ายที่ตอกย้ำดวงใจน้อยๆให้เจ็บปวดราวกับถูกบีบเค้นจนแทบจะขับให้น้ำสีใสที่คลออยู่ที่เบ้าตาแทบจะเอ่อล้นออกมา


ครับ ผมรู้... ต่อไปนี้ผมจะไม่เข้าใกล้นายน้อยอีก” ประโยคที่ตรงกันข้ามกับหัวใจ แต่กลับต้องกล้ำกลืนฝืนทนพูดออกมา นิ้วเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาบนพวงแก้มในจังหวะที่เอลวินไม่ทันสังเกตเห็น ทำให้ไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดของอีกฝ่าย ว่าคำที่พูดตนพูดออกไปมันทำร้ายจิตใจของคนตรงหน้าขนาดไหน


ถ้าจะเจ็บขนาดนี้ทำไมไม่ขาดใจตายไปเลย...


ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ ชายหนุ่มฝืนยิ้มออกมาทั้งน้ำตาแล้วเดินผ่านคนที่สูงส่งกว่าเข้าไปในคฤหาสน์เพื่อไปหยิบอุปกรณ์ปัดกวาดเช็ดถู แล้วเริ่มทำงานของตัวเองในวันนี้  ระหว่างทางที่เดินขึ้นไปตามชั้นต่างๆของคฤหาสน์ก็ได้เห็นมิคาสะผู้เป็นเพื่อนสนิทที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอดแต่ถึงอย่างนั้น ในตอนนี้หัวใจกลับว่างเปล่า และไม่เหลืออะไรอีกเลยนอกจากน้ำตาในไหลปริ่ม


อ้าวเอเลน เธอหายแล้วหรอ” มิคาสะพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่เห็นคนเธอรักหายไข้เป็นปกติแล้ว แต่เธอก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นน้ำตาไหลอายใบหน้าหวานที่เคยสดใสของเอเลน ร่างของพ่อบ้านเดินสวนเธอไปอย่างเลื่อนลอยมีเพียงมือของเขาที่เอื้อมมาตบไหล่เธอเบาๆกับคำพูดสั้นๆ ขอบใจนะ มิคาสะ” แล้วเดินออกไปไกลทิ้งให้ดวงตาสีนิลไล่มองตามไปอย่างเศร้าๆ ทั้งที่เอเลนพูดแบบนี้กับเธอ ซึ่งมันควรจะน่าดีใจ แต่ทำไมมันกลับหดหู่พิกล เหมือนกับตอนนั้นที่เธอพาเอเลนออกมาจากห้องของนายน้อยรีไวล์ไม่ผิดเพี้ยน


ทั้งชีวิต ฉันไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้ เอเลน... ฉันจะทำอะไรได้บ้างไหม...


TBC

..................................................................................................................................................................................................................................

         ฟิคนี้อีกไม่กี่ตอนจะจบแล้วนะคะ ดีใจจังที่มีคนติดตามด้วยอ่ะ ในที่สุดก็ได้มาเขียนตอนนี้ต่อ หลังจากไปเขียนของ Ambition มาสองตอน ฝากติดตามฟิค Ambition ด้วยนะคะ มินล์ขอให้ชอบกันล่ะ ส่วนเรื่องนี้ในตอนหน้าจะทำการตรวจศพแล้วค่ะ แล้วจะเจออะไรรึเปล่านั้น ก็รอติดตามกันกันเองนะ เออใช่ ประกาศซักนิสเรื่องเปิดเพจใหญ่น่ะนะ หลังจากที่เเปะเพจเก่าไป ไปๆมาๆกลายเป็นเพจวาดรูปซะงั้น เลยเปิดใหม่เอาไว้ลงเกี่ยวกับฟิคล้วนๆ สำหรับคนเล่นเฟส เวลาอัพฟิคจะได้เห็นกันน่อ

https://www.facebook.com/pages/TCM-Minler-Y-Fiction/1436603486588210?ref=hl

3 ความคิดเห็น:

  1. มาต่อเถอะนะคะ อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ

    ตอบลบ
  2. ทิ้งนิยายเรื่องนี้หรอ แย่จริงๆทั้งๆที่เราคิดว่าเจอนิยายที่ชอบแล้วแท้ๆ เสียความรู้สึกค่ะบอกตรง

    ตอบลบ