Position
Part #10
“จะกลับคอนโดแล้วหรอ น่าจะอยู่ต่ออีกหน่อยนะ ฉันยังสนุกอยู่เลย..” เสียงทุ้มแฝงออดอ้อนเหมือนเด็กๆของชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นกับสหายที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่หรูหรา โดยมีลูกชายวัย 17 ปี ยืนส่งผู้มาเยือนอยู่ข้างๆในท่ากอดอกสีหน้าเบื่อหน่ายและไร้อารมณ์ใดๆ
หลังจากงานเลี้ยงต้อนรับท่านชายไนล์กับคุณหนูเพทรานั้นเลิกไปแขกผู้มีเกียรติต่างก็แยกย้ายกันกลับคฤหาสน์ของตัวเองไป งานเลี้ยงรื่นเริงที่มีแสงสีเสียงและบรรยากาศชวนฝันแสนโรแมนติกที่ทำให้หลายๆคนรู้สึกสนุกสนานและมีความสุข แต่มันก็ทำให้ดวงใจของคนบางคนแทบแตกสลายเช่นกัน
“ ขอโทษทีนะ ฉันไม่อยากรบกวนนายไปมากกว่านี้แล้ว อีกอย่างตอนนี้ก็ดึกดื่นมากซะด้วยสิ เพทราคงจะง่วงแล้วล่ะ เพราะปกติเธอเป็นคนนอนตั้งแต่หัวค่ำ…” ท่านชายไนล์เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเป็นมิตร ดวงตาสีหม่นเรียวยาวแผนไปยังลูกสาวที่ยืนเคียงกายด้วยรอยยิ้มจางๆทั้งเม็ดเหงื่อผุดพรายเปียกชุ่มใบหน้าสวยหวาน รีไวล์สังเกตเห็นความหวาดหวั่นในใจของเด็กสาวตรงหน้าและความตกใจกลัวระคนกัน ดวงตาสีน้ำตาลหวานเยิ้มนั้นสั่นระริกและเบิกกว้างกว่าปกติ คาดว่าเธอคงจะไปเจออะไรมาแต่ก็ไม่อาจพูดออกไป ก็ยังฝืนยิ้มต่อหน้าคนอื่นเหมือนดั่งเคย
รถของไนล์ถูกขับออกไปนอกคฤหาสน์ชิกันชิน่า แต่สองสายตาหน้าคฤหาสน์นั้นยังเฝ้ามองอยู่นาน จนรถสีขาวนั้นถูกขับออกไปไกลจนลับตา บุรุษสองคนที่วัยต่างกันหลายปีนั้น ไม่พูดอะไร ถึงปกติพ่อลูกคู่นี้ก็แทบจะไม่ค่อยพูดคุยกันเท่าไรอยู่แล้ว “นายบังคับฉันไม่ได้หรอกนะ..พ่อ” เสียงทุ้มห้วนเอ่ยโดยไม่สบตา ดวงตาสีเทาเรียวยาวยังคงมองไปที่หน้าคฤหาสน์ไม่ละสายตา ใบหน้าหล่อเหลาไร้อารมณ์ที่เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวในตอนนี้แผ่รังสีทะมึนจางๆออกมา ทำเอาผู้เป็นพ่อนั่นกระตุกสายตามามอง “อะไรกันรีไวล์ ลูกน่าจะยินดีไม่ใช่รึไง กำลังจะได้เป็นเจ้าบ่าวในอีกไม่นานแล้วนะ”เอลวินยิ้มกว้างให้ลูกชาย รอยยิ้มอ่อนโยนช่างเหมือนผู้ใหญ่ที่กำลังพูดกับเด็กดื้อตัวน้อยๆ “ฉันไม่แต่ง..” รีไวล์ลงเสียงหนัก คิ้วบางขมุ่นเล็กน้อย สีหน้าของรีไวล์ดูจริงจัง ทำให้เอลวินนั้นรีบหุบยิ้มขึ้นมาทันที ชายวัยกลางคนเขม่นตาตามองลูกชายด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะเดือดดาลกับอาการดื้อดึงของเด็กหนุ่มร่างเล็ก
อะไรกัน เลือกคนที่ดี เพียบพร้อมทั้งรูป ทรัพย์ขนาดนี้ให้แล้วยังไม่ดีใจอีก...
“ยังไงฉันก็ไม่มีทางที่จะแต่งงานกับแม่คุณหนูนั่น เพราะฉันไม่ได้รักเธอ แม่นั่นก็มีคนรักอยู่แล้วไม่ใช่รึไง” “รีไวล์!!...พูดให้มันดีๆนะ”เอลวินขึ้นเสียงเอ็ดใส่ลูกชายที่ปฏิเสธการแต่งงาน อหนึ่ง ก็แอบตกใจที่รีไวล์รับรู้เรื่องของเพทรากับเอิรธ์จึงขึ้นเสียงกลบเกลื่อนไปหวังเล็กๆว่าลูกชายจะหวั่น แต่ก็ไม่มีท่าทีสะทกสะท้านใด “ถึงนายจะเป็นพ่อก็เถอะ ยังไงก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับให้ฉันแต่งงานกับใคร..โดยที่ฉันไม่ยินยอมหรอกนะ” เด็กหนุ่มร่างเล็กพูดเสียงขรึม น้ำเสียงพูดของลูกชายทำให้ผู้เป็นพ่อหงุดหงิดจนต้องขบฟันแน่น
“แล้วยังไง..รอให้แกหาเองแกก็จะไปคว้าพวกโสเภนีข้างถนนมาทำเมียน่ะสิ มีหวังพ่อก็คงได้ตายก่อนจะได้อุ้มหลาน ก็มัวแต่ลีลายอมไม่เลือกซะที พอมีผู้หญิงมาให้เลือกถึงที่ก็ไม่เลือก จะเอายังไงกันแน่!!” เจ้าของคฤหาสน์วัยกลางคนพยายามควบคุมอารมณ์เดือดดาลภายในใจและปรับคีย์เสียงให้นุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้แม้จะเหลืออดสักแค่ไหนก็ตาม
“ฉัน.. เลือกแล้วล่ะ” ดวงตาคมกริบสีเทาหรี่ลงเล็กน้อย เสียงทุ้มเอ่ยในลำคอ ทันทีที่ได้เอ่ยขึ้นมาก็ส่งเข้าสู่โสตประสาทของชายวัยสี่สิบแทบจะทันที เอลวินชักใบหน้าหันมามองลูกชายดวงตาสีฟ้าเรียวคมเบิกกว้างเล็กน้อยด้วยความอึ้ง... “อ... อะไรนะ ลูกพูดว่า...” “ฉันบอกว่าฉันเลือกแล้ว...” เสียงเรียบนิ่งเยือกเย็นที่ไร้ความรู้สึกผ่าแทรกขึ้นมา ทำให้ผู้เป็นพ่อนั้นก็อดที่จะถามไม่ได้
“ใครกัน ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร อยู่คฤหาสน์ไหน ล...แล้ว ฐานะทางบ้านเป็นยังไง” เอลวินตาตื่นรีบคว้าจับบ่ากว้างของลูกชายให้หันมาสบตาแล้วเขย่าแรงๆจนรีไวล์นั้นแทบจะสลบคามือ “ฮึ๊ย!! ปล่อยน่า..” ฝ่ามือหนาปัดมือของเอลวินออกจากบ่าพลัน นายน้อยขยับปกคอเสื้อให้เข้าที่ตามเดิม ทำท่าทางรังเกียจผู้เป็นพ่ออย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเอลวินเองก็ฉุนไม่ใช่น้อยถึงแม้จะชินแล้วก็ตาม ริมฝีปากหนาของเจ้าของคฤหาส์เผยอออกเล็กน้อย เมือร่าเงล็กนั้นเดินหนันหลังผ่านไปโดยไม่พูดอะไรอีก “เฮ้! เดี๋ยวสิ ลูกยังไม่ได้ตอบพ่อเลยนะ...”
รีไวล์หยุดชะงัก แผ่นหลังกว้างหยุดลงที่บันไดหน้าประตูไม้ใหญ่สลักประณีตลายไม้เลื้อยดูหรูหรา ใบหน้าคมเข้มชักหน้าหันกลับมามองร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่หน้าบันได เส้นผมสีดำดุจรติกาลตัดรองทรงสูง ถูกลมเย็นจากฝั่งทะเลรอบเมืองพัดปลิว ปากหนาขยับพูดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเดินออกไปอย่างเงียบๆ “เดี๋ยวนายก็จะได้เห็น... ถึงแม้ว่านายจะไม่ยอมรับเขา แต่ฉันก็บอกไว้เลยว่าฉันไม่สนหรอกนะ เขาจะเป็นคนเดียวที่ฉันเลือก และฉันก็จะไม่รักใครอีก จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต จำเอาไว้...”
สิ้นเสียงสุดท้าย บุรุษวัยเยาว์ก็เดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์โดยไม่สนใจสิ่งรอบกายใดๆ นัยน์ตาสีฟ้าอบอุ่นเลื่อนลอยเล็กน้อย ตั้งแต่ที่ภรรยาที่เสียไปหลายปีก่อนให้กำเนิดมา ก็ยังไม่เคยเห็นลูกชายจริงจังขนาดนี้มาก่อน นี่หรือคือสิ่งที่เรียกว่าความรัก ความรักทำให้คนที่แข็งกระด้างอย่างรีไวล์ดูเปลี่ยนไปขนาดนี้ นึกถึงสายตาสีเทาที่ส่งผ่านมาเมื่อครู่ก็ทำให้ผู้เป็นพ่อนั้นแทบจะไม่อยากเชื่อว่านี่คือ นายน้อยรีไวล์ลูกชายของเขาเอง สายตาที่ดูโอนอ่อน สุขุม หนักแน่นและจริงจังนั่น “ใช่รีไวล์จริงๆหรือ” ความรักที่เด็กหนุ่มถ่ายทอดทางสายตาเป็นสิ่งที่ชายวัยกลางที่อายุล่วงมา 40 ปีนั้นไม่อาจเข้าใจได้.. ในเมื่อเขาเองก็ยังไม่เคยแม้แต่จะมีความรัก กระทั่งแม่ของรีไวล์ที่ป่วยไปเพราะโรคร้าย ก็แต่งงานและมีลูกด้วยกันตามคำสั่งของผู้ใหญ่เช่นกัน ใครๆก็ต่างรู้ดีว่าท่านหญิงนั้นรักท่านชายเอลวินมากว่าสิ่งใด แม้ว่าจะไม่เคยได้รับความรักตอบแทนมาเลยเพียงสักครั้ง ก็ยังจะซื่อสัตย์ต่อเขาและเคียงข้างกาย ถึงอีกฝ่ายนั้นไม่เคยต้องหารหรือเรียกร้อง
“ในตอนนี้ รีไวล์ดูเหมือนคุณจังเลยนะ เอลเซ่...”
.
.
.
.
.
“เสียดายจังเลยนะครับที่คุณหนูฮันซี่ไม่ได้มาร่วมงาน” ยิ้มจางๆของเจ้าของเสียงนุ่มอ่อนโยนแฝงเศร้าสร้อย บอกกับหญิงสาวร่างเล็กในชุดแม่บ้านฟูฟ่องน่ารักที่ยืนอยู่ด้านหลัง ลมเย็นพัดให้ผมทองสว่างของทั้งคู่ปลิวสะหยาย ทิวทัศน์บนระเบียงหลังคฤหาสน์ เห็นทุ่งหญ้าสีเขียวและภูเขาสูงยามคำคืนเคล้ากับแสงจันทราที่ประดับอยู่ท่ามกลางดวงดาวระยิยระยับนับร้อยรับพันดวง ดวงตากลมโตสดใสมองพระจันทร์เต็มดวงด้วยรอยยิ้มแห่งความเชื่อมั่น
“นั่นสินะคะ ถ้าเธอมาล่ะก็ คงจะสนุกมากเลย ...ใช่ไหมคะท่านอาร์มิน” แม่บ้านสาวหันไปบอกกับชายหนุ่มร่างใหญ่ที่สายตาเลื่อนลอยส่องชมทิวทัศน์รอบนอกที่ชวนฝัน “คิดถึงรอยยิ้มของเธอจังเลยครับ รอยยิ้มที่มีสีสัน มันทำให้คนที่มืดหม่นอย่างผมรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมา” “ ค่ะ สีหน้าและบุคลิกของเธอเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งเลยนะค่ะ” คริสต้ายืดเส้นยืดสายยืนบิดตัวเป็นเกลียวพร้อมสูดหายใจลึกๆเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ของใบหญ้าด้านล่างเข้าเต็มปอด ดวงตากลมโตกระตุกหันมามองบุรุษร่างใหญ่ที่อยู่หน้าระเบียงสีขาว ชุดสูทสีน้ำเงินผ้าฝ้ายสะท้อนกับแสงจันทรา ใบหน้าคมอ่อนโยนหันมาสบตาให้เธอพร้อมกับยิ้มมุมปาก
“คุณคริสต้า พรุ่งนี้ช่วยมาหาผมทีนะครับ” อาร์มินพูดเว้นวรรคช่วงหนึ่ง ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างซุกเข้าใต้กระเป๋ากางเกงขายาวสีดำที่เข้ากับชุดสูท ร่างใหญ่เดินผ่านหญิงสาวร่างเล็กไปไม่กี่ก้าวก็หยุดชะงัก ทำให้ใบหน้าหวานต้องเอียงตัวหันมองตามแผ่นหลังกว้างที่สวนกับเธอไป “ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณครับ...” ดวงเนตรสีฟ้าอ่อนโยนของอาร์มินหรี่ลงเล็กน้อยแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก มือขวายกขึ้น หลังมือโบกให้แก่ผู้ที่ยืนมองด้านหลังก่อนที่จะเดินกลับไปที่ห้องนอนซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก คริสต้าหัวเราะกระหึ่มเบาๆทั้งดวงตาเป็นมิตรดูสงบ “สงบสุขจังเลย...” เสียงใสกังวานกล่าวบอกกับตัวเองพลางแผนมองออกไปยังทุ่งหญ้าที่เอนไปมา ร่างบางบิดตัวอีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินกลับไปยังห้องที่พักสำหรับแม่บ้าน และหลับไปกับความสุขและความตื่นเต้นที่คาดว่าจะได้ประสบในวันพรุ่งนี้
.
.
.
.
ก๊อก ก๊อก...
เสียงเคาะประตูดังมาจากอีกฝั่งของประตูห้อง ร่างสูงบอบบางเคล้าเรือนผมสีน้ำตาลในชุดนอนสีขาวกับกางเกงขายาวสีฟ้าหม่นดันตัวลุกขั้นจากหมอนนุ่ม มือเรียวบางยกขึ้นปาดคราบน้ำตาลวกๆ คราบน้ำตาที่มาจากการร่ำไห้เสียใจ ...หลังจากที่เดินออกมาจากงานแล้วปล่อยให้พวกแม่บ้านและพ่อบ้านคนอื่นทำงานก็แอบมานั่งร้องไห้อยู่ในห้องคนเดียวจนแทบจะเป็นบ้าแล้วหลับไป เอเลนคิดในใจป่านนี้ใครกันมาเคาะเรียกดึกๆดื่นๆ
ก๊อกๆๆๆ!!!
เสียงเคาะประตูดังสนั่นดั่งกลองส่งถึงชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงให้สะดุ้งโหยง ถ้าไม่รีบไปเปิดให้ตอนนี้มีหวังประตูห้องพังแน่ๆ ไม่อยากที่จะต้องมานั่งซ่อมอีกแล้ว “ครับๆ ผมจะไปเปิดเดี๋ยวนี้ล่ะครับ” เอเลนพูดด้วยน้ำเสียงลุกลี้ลุกลนแล้วดีดตัวออกจากเตียงวิ่งตรงไปที่ประตูห้องทันที มือเรียวจับลูกบิดประตูเปิดแล้วดันให้เปิดออก
!!!!!
ทันทีที่ได้เห็นคนที่ยืนเคาะอยู่หน้าประตู ใบหน้าหวานก็แดงก่ำรีบชักมือกลับเพื่อปิดประตูนพลัน แต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้น แขนที่เต็มไปด้วยกล้ามมัดของอีกฝ่ายแทรกขึ้น ขั้นประตูแล้วดันให้เปิดอีกครั้ง “ น...นายน้อย..ครับ” เอเลนพูดตะกุกตะกักบนกับความตกใจทำให้เสียงสั่นเครือ ดวงตาสีมรกตไม่กล้าสบตากับคนตรงหน้าซักนิด แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อร่างเล็กกำยำนั้นค่อยๆเดินเข้ามาใกล้จึงทำให้ต้องย่างเท้าถอยหนีทีละนิด
“เปิดประตูช้าชะมัด เอเลน” เสียงทุ้มของนายน้อยแฝงคำราม ใบหน้าดุดันเพ่งมองชายหนุ่มร่างบางตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาพิศวาส ร่างผอมบางไร้ซึ่งกล้ามเนื้อ ผิวพรรณเนียนละเอียดขาวอมชมพูดูชุ่มชื้น เส้นผมสีน้ำตาลสลวยล้อมใบหน้าสวยหวานดั่งหญิงสาวและดวงตากลมโตสวยดังมรกต “อ..เออ.. ขอโทษครับ ค...คือนายน้อยรีไวล์...เข้ามาที่ห้องผมดึกๆดื่นๆ มีอะไรรึเปล่าครับ” เสียงทุ้มหวานเอ่ยแผ่วเบาโดยเบือนหน้าหนี... รีไวล์เห็นอย่างนั้นก็อดที่จะหงุดหงิดเสียไม่ได้ อุส่าห์มาหาถึงในห้องไม่ดีใจบ้างเลยรึไงกัน
กึก!!!
“ฮะ...อะ.. นายน้อยทำไมต้องล็อกประตูด้วยล่ะครับ!!!” เอเลนขึ้นเสียงสูงด้วยความหวาดหวั่นใจ อัญมณีมรกตเบิกกว้าง ร่างบางถัดเท้าถอยห่างทีละน้อย ทีละน้อย “ทำไมต้องทำท่าทางรังเกียจฉันขนาดนั้นด้วย..” “ผม ปะ...เปล่านะครับ ม..ไม่ได้รังเกียจนายน้อย...เลยครับ” เม็ดเหงื่อผุดพรายทั่วใบหน้า ทั้งที่อากาศยามค่ำคืนนี้ออกจะหนาวแท้ๆแต่กับรู้สึกว่าตัวร้อนระอุไปหมดตั้งแต่ได้เห็นหน้านายน้อยรีไวล์เมื่อครู่จนร่างกายที่สั่นเทาเป็นลูกเจี๊ยบ ตอนนี้แม้แต่กลืนน้ำลายก็ยังยากลำบาก ไม่กล้าแม้กระทั่งจะสบตา บวกกับการที่มาอยู่ในห้องนอนสองต่อสองแบบนี้ก็สร้างความประหม่าในใจไม่ใช่น้อย “แล้วหนีทำไม...” เสียงเอ่ยเรียบสั้นๆทำให้เอเลนสะดุ้งเล็กน้อย ริมฝีปากบางเม้มแน่นเป็นเส้น ร่างบางสูดอากาศหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะทำใจกล้าเอ่ยตอบกลับไป “นายน้อยกำลังจะแต่งงาน ผมว่ามัน...คงไม่เหมาะไม่ควรที่ นายน้อยจะเข้ามาให้ห้องเขาผมกลางดึกแบบนี้... ถ้าหากว่าไม่มี อะไรนายน้อยออกไปจะดีกว่านะครับ”
!!!!!!
ร่างเล็กพุ่งเข้าฉวยคว้าคอเสื้อของเอเลนแล้วกดลงต่ำด้วยความรวดเร็วโดยไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าคมเข้มโน้มเข้าใกล้คอระหง เอเลนตกใจเผยอปากเล็กน้อย ความชิดใกล้ทั้งลมหายใจของอีกฝ่ายทำให้ไม่กล้าแม้กระทั่งจะขยับตัวถอยหนี “ทำไม... นายสนมันด้วยหรอ หรือว่าหึงฉัน ..” เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบาข้างใบหู พลางพ่นลมหายใจรดต้นคอทำให้เอเลนขนลุกขนชันไปทั้งตัว ปลายจมูกคมสันคลอเคลียคระหงเบาๆ สูดดมกลิ่นกายหอมหวานเย้ายวนปลุกอารมณ์แห่งกามให้เริ่มตื่นขึ้น “ฮ...ฮึก!!” เสียงครางเบาๆออกมาจากลำคอ เอเลนที่รู้สึกเสียววาบ สติกำลังจะหลุดลอยกระเจิดกระเจิง เขาไม่ต้องการให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น ในเมื่ออีกฝ่ายนั้นกำลังจะแต่งงานในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้านี้แล้ว พลางคิดในใจว่าการที่นายน้อยจะมาทำกับแบบนี้ เพราะแค่เขาต้องการระบายตัณหาที่อัดอั้นเอาไว้ในใจ การแสดงความรักที่ไม่จริงใจ.... ไม่ต้องการ...ในตอนนี้ไม่เต็มใจที่จะรับมันด้วยซ้ำ
ปึก!!!!
“ออกไปนะ!!!” เสียงใสแผดลั่นพร้อมกับผลักร่างกายกำยำอย่างเต็มแรงจนร่างเล็กตัวเซถลาออกห่าง ดวงตาคมกริบสังเกตเห็นน้ำตาสีใสของเอเลนที่กำลังไหลอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย เอเลนก้มหน้างุดจนคางชิดอกแขนสองข้างพลางกอดร่างกายของตัวเองที่กำลังสั่นสะท้านด้วยความเสียปวดเสียใจ “ผมไม่ต้องการแบบนี้!!! ถ้าคุณไม่ได้รักผมก็หยุดทำเป็นว่ารักซะทีได้จะไหม!!!” เอเลนพูดเสียงสั่นเครือด้วยความโกรธ เส้นผมสีน้ำตาลปรกใบหน้าหวานที่กำลังร่ำไห้ ...
รีไวล์สะดุ้งเฮือก ความรู้สึกผิดอาบชโลมหัวใจ ใจจริงนั้นรักเอเลนเยี่ยงชีวิต ฉะไหนเหตุใดเอเลนไม่รับรู้ ในงานเลี้ยงที่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว รู้ดีว่าทำให้เอเลนเข้าใจผิดโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แม้ในตอนนี้ก็ตั้งใจที่จะมาอธิบายความจริงทุกอย่างให้ฟัง ก็เผลอทำตามใจตัวเองจนพลาดพลั้งทำให้เอเลนช้ำใจเป็นครั้งที่สองอีกจนได้ “เอเลน ฉันรักนายนะ รักนายคนเดียว... ” “พอเถอะครับ!!! ถ้าคุณรักผมจริงคงไม่ทำกับผมแบบนี้หรอก!!!” เอเลนตะคอกเสียงดัง คิ้วบางขมวดเป็นปม ในตอนนี้ไม่รู้ว่าจะอยู่ตรงนี้ไปทำไมแล้ว ยิ่งเห็นหน้ากันก็ยิ่งช้ำใจ ที่มาหลอกให้รัก....บอกรักอย่างงั้นอย่างงี้สารพัดจนหัวใจมีเขาเข้ามาวุ่นวายจะเด่นชัด แต่เมื่อพอรอไม่ไหวก็จะไปแต่งงานกับคนอื่นอย่างงั้นหรอ... ที่บอกคำว่ารักเป็นแค่คำหลอกลวงให้ช้ำใจดีๆนี่เอง....
เอเลนเดินกระแทกฝีเท้าสวนกับนายน้อยรีไวล์หมายจะเดินออกไปจากห้องนี้โดยเร็ว ด้วยความโกรธและเสียใจระคนกัน จะหน้าด้านยืนต่อไปทำไม อยู่ให้เขาสรรหาคำมาพูดหลอกลวงอีกงั้นหรอ “เอเลนฟังฉันก่อน” มือแกร่งรวบกอดเอวคอดกิ่วไว้ในวงแขนกว้าง คนที่รักกำลังจะหนีไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ยังไม่ได้ปรับความเข้าใจหรือพูดอะไรเลย เอเลนกำลังเข้าใจผิดมหันต์ จะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น “ผมไม่ฟังอะไรอีกแล้ว!!! เมื่อทุกอย่างมันเด่นชัดขนาดนี้แล้ว คุณจะมาพูดอะไรอีก !!! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้..!!! ฮ..ฮึก..” เอเลนดิ้นรนพยายามให้หลุดจากการกอดรัด เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นที่พยายามอดกลั้นไว้นั้น ไม่สามารถที่จะเก็บมันได้อีกต่อไป เสียงโอดครวญของเอเลน เสียดแทงเข้าลึกสุดขั้วหัวใจของอีกฝ่าย หัวใจที่ใครๆต่างพูดว่าแข็งกระด้างก็มีความรู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้กัน ราวกับมีดแหลมคมกรีดแทงหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งไม่เคยทรมานขนาดนี้มาก่อน “ ฮือ.... ปล่อยผม ฮ...ฮึก...ปล่อย...ได้โปรด ฮือ..” เอเลนพูดสลับเสียงสะอื้นที่แหบพร่า พลางภาวนาใจใน
โปรดอย่ามาเข้าใกล้ โปรดอย่าทำให้หวั่นไหว ไม่อยากรัก ไม่อยากทนกับความเจ็บปวดนี้อีกแล้ว...
ตุบ!!!
สองร่างล้มลงกับเตียงนอนสีขาวสะอาดโดยที่ไม่ต้องใจ เด็กหนุ่มร่างกำยำขึ้นคร่อมร่างของเอเลน “ฮึก....ย.. อย่า ...อย่าทำกับผมอย่างนี้ ฮึก... ฮึก” มือเรียวสองข้างกำหมัดแน่นทุบแผ่นอกกว้างแข็งแรงของคนที่ขึ้นคร่อมอยู่ดังตุบๆๆ หมายให้เขาลุกห่างออกไป รีไวล์น้ำตาไหลพรากแต่ไร้ซึ่งเสียงสะอื้นใดๆ น้ำตาของทั้งสองคนไหลนองหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดที่เอ่อล้นจิตใจ มือแกร่งรวบข้อมือทั้งสองข้างของเอเลนไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียว ยิ่งกดดันให้เอเลนยิ่งดิ้นแรงมากขึ้นไปอีก “เอเลน..อย่าได้ห่างจากฉันไป ฟังฉันเอเลน ฉันคนนี้ขาดนายไม่ได้ ฉันรักนายนะ อย่าไปจากฉันเลย” ร่างกำยำเอ่ยทั้งน้ำตาไหลพราก ริมฝีปากหนากดลงบดขยี้ปากอวบอิ่มให้อ่อนระทวย เอเลนหลับตาแน่น พยายามต่อต้านแรงตัณหาแห่งกามที่อีกฝ่ายมอบให้ทั้งความรักและอารมณ์ ร่างกายร้อนระอุตอบสนองสัมผัสจากอีกฝ่ายที่มอบให้มา... เสียงอืออาหลุดลอดออกมาจากปากน้อยที่แห้งผาก ทั้งที่ใจนั้นขัดขืนมากเพียงใดแต่ร่างกายนั้นก็ถูกควบคุมโดยสัญชาติญาณส่วนลึกเสียแล้ว...
ค่ำคืนที่เงาทั้งสองทับกันเพียงหนึ่งบนเตียงนอน พร้อมความรักที่ประสานกันด้วยน้ำตาแห่งความโศกเศร้าเสียใจ เสียงสะอึกสะอื้นปนกับเสียงครวญครางของความสุข ความเจ็บปวด ความทรมาน ความรู้สึกเหนื่อยหอบและไออุ่นจากการสวมกอด ความรักที่มอบให้นั้นแม้ใจที่ไม่ได้ยินยอม แต่อารมณ์แห่งความสุขท่ามกลางฤดูเหมันต์ ก็พาให้ทั้งสองคนได้ร่วมรักกัน หลายต่อหลายครั้งไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย....
.
.
.
.
แสงพระอาทิตย์ยามเช้าตรู่ส่องสว่างเข้ามาในหน้าต่างบานใหญ่ของคฤหาสน์ที่เป็นศูนย์กลางของเมืองโรส หญิงสาวใส่แว่นผมสีน้ำตาลมัดรวบสูงในชุดกระโปรงยาวคลุมเข่าถักทอประณีต ประดับผ้าระบายหนารอบคอเสื้อและชายกระโปรง ที่กำลังรับโทรศัพท์คุยสื่อสารอยู่กับใครซักคนด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ห๊า!!! ว่าไงนะ รีไวล์กำลัง จ..จ..จะ แต่งงาน...กับคุณหนูเพทราน่ะหรอ..” “***เอ๋!คุณฮันซี่ ทำไมต้องตกใจขนาดนี้ด้วยล่ะคะ***” สตรีใส่แว่นอุทานดังสนั่นไปถึงหูของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ในชุดสำหรับขี่ม้า “อ๊ะ!! ป....เปล่าไม่มีอะไรฉันแต่ประหลาดใจนิดหน่อย .....โอเคจ๊ะ คริสต้า งั้นเดี๋ยววันนี้ฉันจะไปหารีไวล์ละกันนะ...” ฮันซี่วางหูโทรศัพท์ลงแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความลำบากใจ พลางนึกเป็นห่วงเพื่อนชายคนสนิทว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง
“ฮันซี่น้องพี่ ตื่นแต่เช้าเชียวนะ...” คำพูดพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตรของชายร่างใหญ่ เรือนผมดำสนิทในชุดขี่ม้าและรองเท้าหนังทรงสูงเดินเข้ามาใกล้ ที่เรียกฮันซี่ว่าน้องสาว “อ้าว! พี่กุนเธอร์ ออกขี่ม้าเสร้จแล้วหรอ..” ฮันซี่ยกคิ้วสูงเล็กน้อย แล้วฉีกยิ้มให้พี่ชายพร้อมเกาหัวแกรกๆ ใบหน้าทะเล้นที่ซ่อนความกังวลและความซังกะตายตั้งแต่วันที่กลับมาจากคฤหาสน์ชิกันนิน่าในวันนั้นทำให้พี่ชายที่คลานตามกันมาต้องเอ่ยตามไป “เมื่อกี้น้องคุยกับใครหรอ เสียงดังเชียว” ฮันซี่สะดุ้งเล็กน้อย ความรู้สึกเป็นห่วงมิตรสหายผุดขึ้นมาอีกครั้ง เหงื่อผุดพรายขึ้นบนใบหน้าแล้วขยับริมฝีปากพูดบอกพี่ชาย
“เออ.. คุยกับแม่บ้านที่มาจากคฤหาสน์ชิกันชิน่าน่ะ เธอบอกว่าเมื่อคืนนี้ท่านชายเอลวินประกาศตัวว่าที่ลูกสะใภ้ที่เป็นคุณหนูมาจากเมืองมาเรียในอีกหนึ่งเดือนนี้ เธอเรียกได้ว่าเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อมเลยล่ะ น้องได้ยินแบบนั้นก็ตกใจเหมือนกัน ไม่อยากเชื่อว่าว่ารีไวล์กำลังจะแต่งงานเร็วสายฟ้าฝาดขนาดนี้ เธออยากให้น้องไปร่วมแสดงความยินดีกับรีไวล์น่ะ” ฮันซี่พูดพร้อมสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก พูดกับพี่ชายที่ไม่รู้อะไรก็คงไม่เข้าใจอะไรอยู่ดี ในเมื่อไม่รู้ว่าจริงๆแล้วรีไวล์มีคนที่รักอยู่แล้ว “แหม... นายน้อยรีไวล์นี่เขาก็โขคดีจริงๆเลยนะได้แต่งงานกับผู้หญิงดีๆ”กุนเธอร์ฉีกยิ้มอ่อนโยน ตรงกันข้ามกันกับฮันซี่ที่เอาแต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ หนักใจแทนรีไวล์จริงๆ อุปสรรค์ที่ผ่านเข้ามาไม่มีหยุดหย่อนจริงๆ
“นี่ฮันซี่ พี่ถามอะไรหน่อยสิ...” กุนเธอร์เปลี่ยนสีหน้าไปจากใบหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่ จุดเวลานี้กลับเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่กังวลและหดหู่เล็กน้อย ฮันซี่ยักคิ้วสงสัย ดวงตาหวานเยิ้มเวยขึ้นมองพี่ชายที่ดูอ้ำๆอึ้งไม่กล้าถาม “ทำเลาะกับท่านอาร์มินหรอ ตั้งแต่กลับมาน้องก็ซึมไปนะ ช่วงนี้ไม่ไปขี่ม้ากับพี่เหมือนแต่ก่อนเลย มีเรื่องอะไรรึเปล่า” มือสากจับบ่าแคบของน้องสาวจอมแก่นที่เคยเข้มแข็งแต่ตอนนี้กลับดูอ่อนแอเพราะความรัก เรื่องที่ความรู้สึกของฮันซี่ที่มีต่อใครนั้นไม่มีที่กุนเธอร์จะไม่รู้ เพราะไม่มีอะไรที่ฮันซี่ปิดบังพี่ชายคนนี้เลย ทั้งสองรักใคร่กันกลมเกลียวดั่งพี่น้องท้องเดียวกัน ที่เข้าใจกันเสียยิ่งกว่าใคร “ น...น้อง... ไม่รู้สิ บางครั้งเขาก็อาจจะไม่ได้คิดอะไรกับน้องก็ได้ น้องคงรักเขาข้างเดียวแล้วล่ะ คนที่ดีกว่าน้อง ทั้งน่ารักเรียบร้อยสุภาพกว่าน้องมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ดูท่าทางว่าเขาจะเข้ากันได้ดี ถ้าเขาเลือกระหว่างน้องกับเธอคนนั้น ก็คง...” ดวงตาเศร้าสร้อยของฮันซี่ทำให้พี่ชายยิ่งรู้สึกเป็นห่วง น้องสาวจอมแก่น ร่าเริงและสนุกสนานกับทุกๆเรื่องไม่เคยทำหน้าแบบนี้มาก่อน ความรักนี่หนอ ทำให้คนเราเปลี่ยนไปขนาดนี้จริงๆ
TBC
มิคาสะ เวอร์ชั่น ยันเดเระ มากๆเลย
ตอบลบสวยสยอง