Position
Part #5
แสงแดดยามรุ่งอรุณส่องทอมายังหน้าต่างบานใหญ่... ห้องนอนกว้างขวาง สะอาดเนี๊ยบทุกระเบียดนิ้ว... เด็กหนุ่มร่างเล็กบนเตียงค่อยๆหรี่ตาขึ้นช้าๆ.. ดวงตาสีเทาคู่คมปะทะกับแสงแดดเจิดจ้า....เด็กหนุ่มกระพริบตาถี่ๆเพื่อนประม่านตาให้ชินกับแสงแดด... แขนแกร่งดันร่างกายให้ลุกขึ้น
นึ่ง..สายตาคู่คมกวาดมองไปรอบๆห้อง.....เด็กหนุ่มร่างเล็กแต่ร่างกายดูแข็งแรงกำยำกว่าใคร...ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว..ทำภารกิจในตอนเช้าให้เสร็จสิ้นก่อนจะเตรียมตัวเรียนในช่วงสาย...
เด็กหนุ่มเดินออกมาจากห้องด้วยชุดที่สุภาพตามสไตล์ของลูกคุณหนูโดยที่มีผ้าผืนยาวพันไว้ที่คอซึ่งพบเห็นเป็นประจำ...เด็กชายหยุดอยู่หน้าประตูแล้วสำรวจการแต่งกายโดยการขยับผ้าผูกคอและชายเสื้อให้เรียบร้อยก่อนจะเดินลงบันไดมาที่ห้องรับประทานอาหาร...ห้องที่กว้างใหญ่ มีโต๊ะไม้ใหญ่ทรงสีเหลี่ยมผืนผ้าที่แวววาวตั้งอยู่กลางห้องและล้อมรอบด้วยเก้าอี้มากมายที่ทำจากไม้ชนิดเดียวกัน... สายตาคู่คมเห็นเพื่อนสาวคนสนิทนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้ทางด้านขวาจากหัวโต๊ะ...ใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุขกับการอ่าหนังสือตรงหน้า... และที่สำคัญก็คือ...สายตาของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ที่บันไดขั้นที่สามสะดุดเข้ากับพ่อบ้านหนุ่มที่เดินออกมาทางด้านหลังของเพื่อนสาวของเขาเอง... ดวงตาสีมรกตดูเหม่อไป ..ดูเลือนลอย..ไม่สามารถบอกได้ว่ามองไปทางไหน...
“อ้าว! เอเลน มาตั้งแต่เมื่อไรน่ะ…..............เฮ้!...เอเลนได้ยินที่ฉันพูดไหม..” สตรีใส่แว่นปรบมือสองสามครั้งเพื่อเรียกสติของชายหนุ่มที่ยืนเหม่อลอยอยู่ ..ขนาดเรียกยังไม่รู้เรื่องเลย...ชายหนุ่มสดุ้ง..พร้อมมือเรียวที่สวมถุงมือสีขาวกุมขมับแล้วส่ายหัวไปมาเบาๆ “อ...เออ ขอโทษทีครับคุณหนูฮันซี่.... เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับก็เลยง่วงนิดหน่อยน่ะครับ” พ่อบ้านหนุ่มยิ้มแห้งๆ มือเกาหัวแกรกๆ ยังคงนึกถึงคำบอกรักเมื่อคืนจากเด็กหนุ่มผู้ที่ตนเรียกว่านายน้อย...ทำเอาเด็กหนุ่มคิดมากทั้งคืนจนนอนไม่หลับ ตื่นมาก็เลยเพลียๆบวกกับการโดนรุมซ้อม จากคู่อริตัวแสบแล้วยิ่งรู้สึกเป็นพิษไข้นิดหน่อย ...วันนี้มิคาสะก็ขอลางานเนื่องจากไม่สบายหนัก ..ถ้าอย่างมิคาสะบอกว่าไม่ไหวคงต้องหลายวันแน่ๆ. ยิ่งคิดก็ปวดหัว สุขภาพตัวเองก็ไม่ค่อยจะดีอยู่แล้วยังต้องมาทำงานแทนมิคาสะอีก..ขณะที่เอเลนคิดนั่นคิดนี่ไปเพลินๆคุณหนูฮันซี่ก็สังเกตเห็นปลาสเตอร์บนหน้าผากของเอเลน ก็ทำให้อดแกล้งถามไม่ได้.. “ปลาสเตอร์นั่น... ใครทำแผลให้นายหรอเอเลน.. คิกๆๆ” พลัน!! ใบหน้าหวานแดงก่ำฉับพลัน.. ดวงตาสีมรกตโตขึ้นกว่าเก่า สติหลุดลอยกระเจิดกระเจิง.. “อ..เออ..คือ นายน้อยรีไวล์น่ะครับ” ท่าทางกระวนกระวายเกินเหตุ ทำให้คุณหนูฮันซี่อดหัวเราะไม่ได้ สตรีใส่แว่นมองเห็นเพื่อนชายคนสนิทซึ่งอายุน้อยกว่าตน 4 ปี ยืนมองอยู่ตรงบันได ดวงตาหวานมองพ่อบ้านหนุ่มสลับกับเพื่อนชายคนสนิทที่แอบเก็บอาการเขินจนตัวสั่นซะขนาดนั้น
“ นี่..เอเลนฉันหิวแล้วล่ะ ยกอาหารมาให้หน่อยสิ ..แล้วก็ คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นน่ะ รีบๆลงมานั่งได้แล้ว” ฮันซี่นั่งเท้าคาง พลางสายตามองไปที่นายน้อยรีไวล์ด้วยสายตากรุ้มกริ่มแล้วหัวเราะเบาๆ..เอเลนพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกลับหลังหันเดินกลับไปหยิบอาหารที่ทำเอาไว้ในครัวออกมาวางไว้กลางโต๊ะ โดยที่น้อยน้อยรไวล์เดินมานั่งที่หัวโต๊ะข้างๆเพื่อนสาว ..ในตอนนี้ในคฤหาสน์ชิกันชิน่าก็มีเพียงน้อยน้อยรีไวล์..คุณฮันซี่ ท่านทูตอาร์มิน พ่อบ้านแม่บ้านและทั้งบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่ตามพื้นที่รอบๆคฤหาสน์เท่านั้น โดยปกติ ท่านชายเอลวินผู้เป็นพ่อของนายน้อยรีไวล์จะอยู่ด้วยแต่ช่วงนี้ท่านเดินทางไปเยี่ยมท่าชายไนล์ที่อาศัยอยู่ที่เมืองมาเรียซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของท่านชายเอลวินมานาน ได้ข่าวว่าจะกลับมาช่วงบ่ายนี้....
อาหารบนโต๊ะถูกกวาดเรียบร้อยโดยที่เข้าไปอยู่ในท้องคุณหนูฮันซี่ซะเป็นส่วนใหญ่ ท่าทางกินมูมมามเหมือนอดอาหารมาหลายวัน แถมยังเรอเอิกอ๊ากเสียงดัง.. ทำให้นายน้อยรีไวล์ซึ่งทานขนมปังอยู่ข้างๆอดรู้สึกสะอิดสะเอียนเสียไม่ได้.... “ เฮ้อ~ อิ่มจัง... อาหารอร่อยมากเลยล่ะเอเลน” สตรีใส่แว่นพูดชมเชยในรสอาหารที่พ่อบ้าหนนุ่มทำเองกับมือพร้อมหันคอมาส่งยิ้มให้.... “เอเลนเนี่ย เป็นแม่บ้านแม่เรือนที่ดีเนอะ ถ้าได้แต่งงานกับใครซักคนคงจะโชคดีไม่น้อยเลย ใช่ไหม.. รีไวล์ “ ฮันซี่พูดต่อเธอหันหน้ากลับไปหารีไวล์ที่กำลังใช้ผ้าสีขาวสะอาดเช็ดปากอยู่... “อืม..” เด็กหนุ่มผมสีนิลตัดรองทรงสูงเอ่ยคำสั้นๆในลำคอเบาๆ ..เอเลนไม่ได้เข้าใจในคำพูดของทั้งสองคนที่เหมือนจะกำลังส่งสัญญาณอะไรกับบางอย่าง..เพราะความไร้เดียงสาเหมือนเด็กๆ คุณหนูฮันซี่ก็คุยจ้อไปเรื่อยแต่ก็พลางมองไปที่นายน้อยสลับกับตัวเองทุกครั้งไป สายตากรุ้มกริ่มทำให้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย..
หรือว่า....คุณหนูฮันซี่จะรู้เรื่องเมื่อคืนนี้งั้นหรอ.....
“ งั้นพวกเราไปก่อนนะเอเลน ช่วงสายนี้รีไวล์มีเรียนกับท่านอาร์มินนี่นะ จะว่าไป....ฉันก็เหมือนกัน มาอยู่ที่นี่ก็ฝากตัวเรียนสักหน่อยคงไม่เป็นไรเนอะ..” สตรีผมมัดรวบสูงกล่าวก่อนจะหันหลังเดินขึ้นไปบนชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นที่ท่านฑูตอาร์มินทำงานอยู่และในชั้นนั้นก็มีห้องเรียนของรีไวล์อยู่ด้วย ..อาร์มินรับสอนโดยไม่รับค่าจ้าง เมื่อเทียบกับการที่ท่านชายเอลวินนำพาเขามาถึงจุดๆนี้..จากพ่อบ้านธรรมดาๆมาเป็นเอกราชทูต..เป็นที่นับถือของผู้คน นี่ก็ถือว่าเป็นบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของอาร์มินแล้ว ที่ได้มีโอกาสรับใช้บ้านเมือง ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเจรจาที่ต่างประเทศซึ่งตั้งแต่อาร์มินได้ขึ้นเป็นเอกราชทูตของเมืองชิน่า เศรษฐกิจของบ้านเมืองดีขึ้นอย่างมหาศาล ท่านชายเอลวินคิดถูกจริงๆที่นำความสามารถของอาร์มินมาสร้างประโยชน์แก่บ้านเมือง...
....พ่อบ้านหนุ่มเก็บจานมาซ้อนกันแล้วเดินกลับหลังหันไปที่ห้องครัวเพื่อไปล้างจาน โดยที่มีแจนและโคนี่ที่กำลังจะยกผ้ากองโตในตะกร้าไปซักหลังคฤหาสน์ โดยทางไปต้องเดินผ่านห้องครัว ทั้งสองคนเดินผ่านพลางมองเอเลนที่กำลังล้างจานอย่างเลือนลอย..ริมฝีปากบางยิ้มร่า กำลังเพ้อฝันถึงนายน้อยรีไวล์สลับกับเรื่องราวต่างๆที่ชวนขวยเขิน..ท่าทางแปลกประหลาดของเอเลนคู่อริ.. ทำเอาสองเกลอหันมามองตากันปริบๆ..
...อาการเหมือนคนกำลังอินเลิฟ..
“เฮ้ยแจน!... นายเคยเห็นคนที่พึ่งโดนเตะแล้วตื่นมายิ้มไหมวะ” ชายหัวเกรียนเอ่ยกับชายหนุ่มผมสีอ่อนเพื่อนสนิท “ จะไปรู้เรอะ.. สงสัยฉันจะโขกหัวมันแรงไปหน่อย สมองกลับ..ก็เลยเกิดบ้า ยืนยิ้มตัวบิดเป็นเกลียวอยู่คนเดียว” แจนเบ้ปากพูด เมื่อได้เหมือนท่าทางน่าสะอิดสะเอียนของเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งโดนฝีเท้าของตัวเองเตะอัดไปเมื่อวาน ...ทั้งๆที่น่าจะเจ็บออดๆแอดๆมาทำงานไม่ได้แท้ๆ กลับดูปกติ แถมยังยิ้มร่าอารมณ์ดีกว่าวันปกติอีกต่างหาก... ทั้งสองเกลอบ่นอุบอิบๆพลางมองไปที่เอเลน..ทั้งสองเกลอเดินออกไปทั้งสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย..เพื่อไปซักผ้าที่ถือมากองโตให้เสร็จภารกิจ...
.
.
.
.
.
คุณหนูฮันซี่และนายน้อยรีไวล์เดินขึ้นบันไดมาหายสิบขั้นจนมาถึงชั้นที่ 5 นายน้อยรีไวล์เดินขึ้นมาได้อย่างชิวๆ เพราะปกติเดินขึ้นลงบันไดในบ้านเป็นว่าเล่นจนชินซะแล้ว ไม่เหมือนคุณหนูฮันซี่ ที่เมื่อมาถึงชั้นที่ 5 ก็ทรุดฮวบลงไปนั่งกับพื้นทันที น่านั่งแหกแข้งแหกขาโดยลืมตัวไปว่าใส่กระโปรงอยู่ “โอยยยยย ปวดขาจังเลยยย" เธอร้องโอดโอยเพราะปวดเมื่อกล้ามเนื้อที่น่องอย่างรุนแรง จากการเดินขึ้นบันไดอย่างต่อเนื่องทั้งๆที่ร่างกายไม่ชินทำให้กล้ามเนื้อน่องแทบจะเคล็ด.. “ก่อนจะพูดอะไรช่วยหุบขาหน่อยจะได้ไหม... ฉันยังไม่อยากเป็นตากุ้งยิง” นายน้อยรีไวล์พ่นลมหายใจเบาๆ ดวงตาคู่คมเบือนไปทางอื่น .. ไม่ไหวจริงๆกิริยามารยาทไม่ใช่ผู้หญิงซักนิด “ อุ๊ย!... ว๊ายๆๆ โทษทีๆ” ฮันซี่รีบหุบขาพลัน ..ไม่รู้ตัวเอาซะเลยว่ากำลังทำท่าทางน่าอับอายอยู่ ถ้าใครมาเห็นเข้ามีหวังงามหน้าแน่ๆ เป็นเพราะถูกเลี้ยงมากับกุนเธอร์ผู้เป็นพี่ชาย ที่สมัยเด็กๆสองพี่น้องมักจะพากันไปเล่นลุยน้ำลุยดิน เล่นพิเรนๆเหมือนเด็กผู้ชาย อีกทั้งยังที่ท่านหญิงฮันน่าเสียไปตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ทำให้ไม่มีคนสอนเรื่องมารยาท... โตมาก็เลยไร้ความเป็นกุลสตรีอย่างที่เห็น..
เชื่อเขาเลย... อย่าบอกให้ใครรู้เชียวว่านี่คือคุณหนูฮันซี่จากเมืองโรส...ลูกสาวคนสุดท้องของท่านหญิงฮันน่าผู้เลื่องชื่อในความเป็นกุลสตรีชั้นสูง..
“อ้าว.. นายน้อยรีไวล์ ขึ้นมาเรียนกับท่านอาร์มินหรอคะ”
เสียงหวานใสดังขึ้นจากด้านหลังของเด็กหนุ่ม ทำให้หนุ่มสาวทั้งสองคนหันไปมอง..เป็นหญิงสาวตัวเล็กๆในชุดเครื่องแบบของแม่บ้านที่ทำงานอยู่ชั้นบน ผมยาวประบ่าสีทองสว่าง ดวงตาสีฟ้ากลมโตงดงาม หญิงสาวเดินมาพร้อมรอยยิ้มที่สดใสดุจเทพธิดา และถาดอลูมิเนียมแวววาดในอ้อมแขน “ อืม..พวกฉันกำลังจะไปหาพอดี” รีไวล์ตอบเสียงเรียบ พลางมองใบหน้าหวานของหญิงสาวตรงหน้า ...ฮันซี่ลุกขึ้นยืน..เธอถึงกับต้องตาโตเมื่อได้เห็นหญิงสาวตรงหน้าอายุประมาณรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ..หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักสะดุดตา...หญิงสาวในชุดแม่บ้านพลางมองมาที่ฮันซี่ด้วยสีหน้าสงสัย เธอมาที่นี่ออกจะบ่อย เคยเข้ามาทุกซอกทุกมุมของคฤหาสน์ แต่ยังไม่เคยเห็นหญิงสาวคนนี้มาก่อน... “เอ๊! นายน้อยรีไวล์นี่ใครหรอค่ะ” “อา...ฉันก็ลืมแนะนำไป.. ยัยนี่เป็นเพื่อนของฉัน ชื่อว่าฮันซี่ มาจากเมืองโรส... ฮันซี่ ส่วนนี่คริสต้า เป็นแม่บ้านคนใหม่ เพิ่งมาทำงานที่นี่เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว รู้จักกันไว้ซะสิ..” รีไวล์แนะนำให้คริสต้าและฮันซี่ได้รู้จักกัน คริสต้าเป็นแม่บ้านคนใหม่ ก็ไม่แปลกที่คุณหนูฮันซี่จะไม่เคยเห็นหน้า.. “ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณหนูฮันซี่ ต้องขออภัยด้วยค่ะ ดิฉันเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่เลยยังไม่เคยเจอคุณน่ะค่ะ ต่อไปนี้ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” คริสต้าพูดพร้อมรอยยิ้ม เธอโค้งตัวทำความเคารพคุณหนูฮันซี่ผู้ซึ่งมีฐานะมากกว่า “จ้า.. ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันคริสต้า “ ฮันซี่ยิ้มตอบเป็นมารยาท เธอรู้สึกถูกชะตากับแม่บ้านสาวคนนี้อย่างประหลาด เป็นครั้งแรกที่เธอถูกชะตากับใครโดยที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน..
“เฮ้! คริสต้า ทำอะไรอยู่น่ะ..ยังมีงานต้องทำอีกเยอะนะ” เสียงทุ้มของหญิงสาวอีกคนดังขึ้น หญิงสาวผู้แต่งเครื่องแบบเดียวกับคริสต้า .. หญิงสาวผมดำมัดรวบต่ำ ยืนอยู่ข้างกำแพงด้านหลังของคริสต้า “อ๊ะ! ยูมิล ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” คริสต้าพูดกับแม่บ้านที่ชื่อ ยูมิล ที่เป็นผู้หญิงที่เรียกเธอไปทำงานเมื่อครู่ซึ่งเป็นคนที่ใครๆก็รู้จักเธอคนนี้ดี ว่าเป็นหัวหน้าแม่บ้าน ..เมื่อสิ้นเสียงของคริสต้า ยูมิลก็เดินกลับออกไปโดยไม่พูดอะไร.. “เออ ทุกคนคะ ฉันขออนุญาติก่อนนะคะแล้วก็ ต้องขอโทษแทนยูมิลด้วยที่จู่ๆก็เข้าพูดมาแทรกแบบนี้ ถึงเธอจะชอบพูดจาห้วนๆแล้วก็ชอบทำหน้าเบื่อโลกไปบ้าง แต่จริงๆแล้วเธอก็เป็นคนดีมากเลยนะคะ..” หญิงสาวออกรับแทนหัวหน้างาน เธอยิ้มจางๆแล้ววิ่งตามหญิงสาวเมื่อครู่ออกไปอย่างเร่งรีบ...
“รีบไปเถอะเดี๋ยวก็ไม่ได้เรียนกันพอดี..” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบพร้อมหันหลังเดินนำไปโดยไม่สนใจเพื่อนสาวที่ยืนอยู่ด้านหลัง “ ง่า~ รอด้วยสิรีไวล์ “ เธอพูดลากเสียงยาว แล้ววิ่งตามเด็กหนุ่มไปติดๆ..และทั้งสองคนก็เดินมาถึงหน้าห้องทำงานของท่านทูตอาร์มิน... โดยที่ประตูเปิดอ้าเอาไว้ ฮันซี่แอบชะโงกหน้าเข้าไปเล็กน้อย..มองเห็นชายหนุ่มที่อายุมากกว่า 4 ปี กำลังยืนอ่านหนังสืออยู่ข้างหน้าต่าง.. ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ดูแข็งแรง เรือนผมสีทองสว่างยาวระดับคอ ร่างกายของอาร์มินเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่อายุ 17 จากเด็กหนุ่มที่ตัวเล็กน่ารักเหมือนผู้หญิง เมื่อโตขึ้นร่างกายเปลี่ยนแปลงไปมากอย่างเห็นได้ชัด ส่วนสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีกล้ามเนื้อมากขึ้นดูสมกับเป็นชายหนุ่มวัย 25 ปีและก็ยังคงใบหน้าหวานเหมือนผู้ชายที่รูปร่างอ้อนแอ้นอยู่เล็กน้อย ..ฮันซี่หน้าแดงก่ำเป็นครั้งแรกที่ได้แอบมองอาร์มินจากด้านหลังแบบนี้ ..ได้เห็นแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มที่ตนแอบปลื้ม ..ด้วยความเก่ง ฉลาด และความอ่อนโยนของอาร์มิน แถมยังชอบการอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจเหมือนเธออีกด้วย... จากแค่รู้สึกชื่นชมก็ยิ่งมาขึ้นเรื่อยๆ...จนตอนนี้ความรู้สึกของเธอก็ไม่อาจจะบอกได้เต็มปากว่าเธอชอบเขาหรือแค่ชื่นชมกันแน่....
“ยัยเพี้ยน!.. เสียมารยาทน่า....” เด็กหนุ่มเอ็ดเพื่อนสาวเบาๆ ที่เสียมารยาทแอบชะโงกหน้าเข้าไปในห้องของคนอื่นโดยที่เจ้าของห้องยังไม่ได้อนุญาติด้วยซ้ำ.... “ แหม.... นิดๆหน่อยๆเองน่า...” สตรีใส่แว่นหันหน้าไปแล้วทำน้ำตาคลอเหมือนจะร้องให้... เป็นอาการปกติถ้าเธอโดนว่าหรือจะอ้อนใครที่เด็กหนุ่มเห็นบ่อยซะจนรู้สึกชินชากับอาการนี้ซะแล้ว....
“มากันแล้วหรอครับ ...น้อยน้อยรีไวล์แล้วก็..คุณหนูฮันซี่..”
รู้ตัวอีกทีชายหนุ่มร่างใหญ่ก็มายืนอยู่ตรงหน้าซะแล้ว... ร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเทียบกับระดับสายตาที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างเมื่อครู่ดูตัวเล็กไปเลย แต่พอมายืนใกล้ๆอย่างนี้กลับสังเกตส่วนสูงที่แตกต่างกันได้ชัดเจน... สตรีใส่แว่นหันไปมองชายหนุ่มซึ่งหลายๆคนเรียกว่าท่านทูตที่มีอายุมากกว่า....ทันทีที่ตาหวานสบเข้ากับดวงตาสีฟ้าอ่อนโยนเบื้องหน้า ทำให้ใบหน้าสวยขึ้นแดงสีแดงที่พวงแก้มจางๆ ที่อยู่ๆชายหนุ่มที่ตนแอบปลื้มก็เดินมาโดยไม่ทันตั้งตัว ..... หนุ่มสาวเพื่อนรักเงยหน้ามองใบหน้าหวานที่แอบซ่อนความอ่อนโยนไว้ลึกๆ....
“ผมกำลังรออยู่เลยครับ.... เชิญคุณทั้งสองไปรอที่ห้องเรียนเถอะครับ เดี๋ยวผมจะตามไป...” ชายหนุ่มเรือนผมสีทองสว่างกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ “อ..เออ ค่ะ” ฮันซี่ตอบรับด้วยรอยยิ้มแห้งๆ ก่อนจะลากรีไวล์เพื่อนรักเดินเข้าไปในห้องเรียนที่อยู่ถัดจากห้องของเอกราชทูตอาร์มินอยู่สองห้อง.... ทั้งสองคนนั่งรออยู่ในห้องเรียนที่มีกระดานดำแปะอยู่บนผนังด้านหน้า และโต๊ะตัวเล็กๆไม่กี่ตัวในห้อง ด้านหลังห้องที่มีชั้นหนังสือมากมายจัดเรียงอยู่ พร้อมอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอนมากมาย... ก่อนที่อาร์มินจะมาสอน ปกติท่านชายเอลวินจะจ้างครูพิเศษมาสอนตัวต่อตัวถึงที่.... หลังจากนั้นอาร์มินก็มาสอนแทน....
.
.
.
หลังจากผ่าน 5 นาที อาร์มินก็เดินเข้ามาในห้องเรียนที่ทั้งสองนั่งรออยู่.. ชายหนุ่มวัย 25 ปี ถือหนังสือเรียนเล่มหนาประมาณสองถึงสามเล่ม เพื่อใช้เป็นสื่อการสอนเล็กๆน้อยๆ ... อาร์มินใช้มือแกร่งหยิบแว่นตาทรงสี่เหลี่ยมที่วางอยู่บนโต๊ะมาสวมแล้วเปิดหนังสือเล่มหนาที่หยิบมา.. “เอาล่ะครับ วันนี้เราก็มาเข้าบทเรียนกันเลยนะครับ....” ชายหนุ่มพูดชี้แนะเบื้องต้นด้วยน้ำเสียงสุภาพก่อนที่จะอธิบายเนื้อหาการเรียน.... ผ่านไป 20 นาที การสอนก็กำลังเข้าถึงเนื้อหาจุดสำคัญ... แต่ดวงตาสีฟ้าสดใสนั่นกลับสังเกตเห็น....
.
.
.
“นายน้อยรีไวล์ครับ............. นายน้อย... นายน้อย!!!...” อาร์มินพูดเรียกชื่อของเด็กหนุ่มที่นั่งด้านหน้าพร้อมโบกมือไปมา พยายามเรียกสติของเด็กหนุ่มให้มาจดจ่ออยู่กับการเรียน....
....นายน้อยรีไวล์กำลังเหม่อ...
ชายหนุ่มร่างใหญ่ดีดนิ้วที่ระดับใกล้สันจมูกโด่งของเด็กหนุ่ม....เด็กหนุ่มได้สติ ดวงตาสีเทาคู่คมกระพริบถี่ๆ “ หืม..มีอะไร” เด็กหนุ่มทำหน้าไม่รู้ไม่ใช้แล้วถามกลับมาได้อย่างหน้าตาเฉย... ดวงตาสีเทาที่เมื่อครู่กลับดูเหมือนอ่อนโยนและเหมือนกำลังเพ้อฝัน พอได้สติกลับมาก็ทำตาขวางอีกแล้ว ....เหมือนพยายามจะกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง....
“นายน้อยครับ เป็นอะไรรึเปล่าปกติคุณไม่เคยเหม่อลอยในเวลาเรียนแบบนี้เลยนะครับ... กำลังนึกอะไรอยู่ครับ..”
คำถามของเอกราชทูตอาร์มินทำให้เด็กหนุ่มย้อนนึกถึงความคิดเพ้อฝันเมื่อครู่... ความฝันเป็นภาพฝันหวานของเขากับเอเลน บางครั้งก็คิดเลยเถิดไปจนถึงเรื่องบนเตียง... ความรู้สึกที่พยายามยับยั้งชั่งในมานานหลายปี... บางครั้งก็ถูกระบายออกมาในห้องส่วนตัว....ด้วยตัวเอง
เอเลน.... ทำไมอยู่ๆฉันถึงได้นึกถึงนาย.. ช่วงนี้ฉันเหม่อเพราะนาย..เพราะนายเข้ามาป้วนเปี้ยนในหัวใจฉันตลอดเลย....
“ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะ เวียนหัวนิดหน่อย....” เด็กหนุ่มทำเสียงอ่อน มือแกร่งกุมขมับ.... ตอนนี้เขารู้สึกวิงเวียนแล้วก็ร้อนเนื้อร้อนตัวนิดหน่อยโดยเฉพาะใบหน้า... พลางคิดไปเองว่าคงคิดมากจนเป็นไข้ “ก็คงจะใช่นะครับ หน้าแดงเชียว ....” ดวงตาสีฟ้ามองไปที่ใบหน้าคมเข้มของนายน้อยรีไวล์....ใบหน้าขึ้นสีแดงเหมือนคนเป็นไข้... เด็กหนุ่มเบือนสายตาไปที่เพื่อสาวที่นั่งอยู่ข้างๆที่กำลังนั่งอมยิ้มที่คาดเดาอาการของตนไว้หมดแล้ว...เหมือนกับว่าฮันซี่สามารถอ่านใจคนได้ โดยเฉพาะคนที่กำลังอินเลิฟ.... “ให้ยัยนั่นเรียนไปคนเดียวละกัน ฉันขอตัวไปพักล่ะ..” สตรีใส่แว่นตาเบิกโพลง ในใจตอนนี้กำลังกะวนกระวายเล็กน้อยเมื่อจะได้อยู่กับท่านอาร์มินสองต่อสอง.... ชายหนุ่มเรือนผมสีทองพยักหน้าเล็กน้อย อนุญาตให้นายน้อยรีไวล์ได้ไปพักผ่อน...รีไวล์ลุกขึ้นเดินออกไป พลางหันหลังมามองเพื่อนสาวที่กำลังทำตาค้างอยู่ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
อาร์มินเริ่มการสอนต่ออย่างตั้งใจ...คุณหนูฮันซี่ก็ตั้งใจฟังไม่แพ้กัน เพื่อแสดงให้ชายหนุ่มที่เธอแอบปลื้มได้เห็นความตั้งใจของเธอ.. ผ่านไป 2 ชั่วโมงกว่าๆ การเรียนการสอนก็จบไปแล้ว หญิงสาวบิดขี้เกียจเล็กน้อย.... ดวงตาหวานมองไปที่หนังสือนิยายในกระเป๋าที่เธอเตรียมมา....โดยตั้งใจไว้ว่าจะเอามาให้ท่านอาร์มินอ่าน โดยปกติแล้วท่าอาร์มินจะชอบก่อนนิยายเป็นชวิตจิตใจ...ตัวเธอนั้นรู้ดี...จึงควานหานิยายมาทั่วทุกสารทิศเพื่อนำมาให้ท่านอาร์มินโดยเฉพาะ.....
“ท่านอาร์มินคะ...ฉันไปเจอนิยายเล่มใหม่มาน่ะคะ เป็นเล่มที่ 3 แล้วนะคะ อ...เออคือไม่ทราบว่าเล่มที่ 2 คุณอ่านจบรึยังค่ะ....” เธอพูดด้วยสายตาเป็นประกาย พร้อมยื่นหนังสือในมือให้ชายหนุ่มที่สูงกว่าเธอตรงหน้า ชายหนุ่มเรือนผมสีทองสว่าง ตาโตขึ้นเล็กน้อยกับหนังสือที่สตรีตรงหน้ายื่นให้ เขารับหนังสือมา..ดวงตาสีฟ้ามองหน้าปกของหนังสืออย่างละเอียด เป็นนิยายรักดราม่าที่หาซื้อยากมาก เพราะเป็นหนังสือนำเข้าจากประเทศอิตาลี ซึ่งในประเทศเยอรมันไม่ค่อยได้ทำการค้าขายกับอิตาลีมากนักในสมัยนี้... “อ่านจบแล้วครับ เมื่อเช้าตอนที่คุณหนูฮันซี่กับคุณหนูรีไวล์มาพอดีครับ...” หญิงสาวรู้สึกดีใจอย่างมากที่ชายหนุ่มชอบหนังสือที่เธอแนะนำจนอ่านหมดทุกเล่ม ทั้งๆที่เป็นหนังสือเล่มหนาที่มีแต่ภาษาอิตาลีที่ค่อนข้างอ่านทำความเข้าใจยากพอสมควร
เขายอมอ่านหนังสือที่ฉันแนะนำจนจบ ทั้งๆที่มันอ่านทำความเข้าใจยากแท้ๆ....
“ขอบคุณมากเลยนะครับสำหรับหนังสือ หนังสือที่คุณหนูฮันซี่แนะนำสนุกทุกเรื่องเลยนะครับ... ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เจอคุณหนูเลยครับ” ชายหนุ่มพูดพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยน ทุกครั้งที่หญิงสาวมาที่นี่ทีไรเขาก็จะได้หนังสือเล่มใหม่มาก่อนทุกครั้ง ทำให้เขาไม่เบื่อเลยกับการที่ได้เจอหญิงสาวและได้คุยกันถึงเรื่องนิยายเหนือจินตนาการของเธอ... บางครั้งก็เผลอทำให้ติดนิยายจนกระทั่งเกือบลืมทำงานทำการเหมือนกัน...
เธอเป็นผู้หญิงที่ช่างเพ้อฝัน...มีจินตนาการล้ำเลิศ.....มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร....
หญิงสาวหน้าแดงระรื่นที่ได้ยินคำพูดของอาร์มินทำให้เธอหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าใจเต้นแรง....เต้นแรง....ขนาดนี้เป็นครั้งแรก...ความรู้สึกเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มจะแน่ใจ....
“ ขออนุญาตค่ะ...”
เสียงหวานของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของหนุ่มสาวที่กำลังคุยกันอยู่... ทั้งสองคนหันหน้าไปมอง...หญิงสาวร่างเล็กถือถาดอลูมิเนียมที่มีถ้วยกาแฟวางอยู่ กลิ่นของกาแฟหอมฟุ้งไปทั่วห้องเรียน “ดิฉันชงกาแฟมาให้ค่ะ คิดว่ากาแฟจะช่วยได้.... ทำงานมาทั้งวันคงเหนื่อยสินะคะ” หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้แล้วยืนถ้วยกาแฟร้อนๆให้ชายหนุ่ม...ชายหนุ่มวางหนังสือนิยายลงบนโต๊ะแล้วหันไปรับถ้วยกาแฟที่หญิงสาวยื่นให้แทน.... “ขอบคุณครับคุณคริสต้า กาแฟนของคุณยังคงความหอมไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวชมเชยหญิงสาว ในฝีมือการทำเครื่องดื่มของเธอที่ดีเลิศกว่าใคร...ทุกๆวันเธอจะชงเครื่องดื่มมาให้ทุกวัน... ไม่ว่าจะเป็น ชา กาแฟ นมสด... สตรีใส่แว่นที่ยืนมองการสนทนาของทั้งคู่พลางสายตาไปที่หนังสือนิยายของเธอที่ชายหนุ่มวางไว้บนโต๊ะสลับกับถ้วยกาแฟในมือของชายหนุ่มที่คริสต้ายื่นให้มือครู่...
หนังสือนิยายของฉันที่คุณบอกว่าสนุกน่าตื่นเต้น กับ เครื่องดื่มของเธอคนนั้นที่คุณบอกว่าหอมหวานไม่เปลี่ยนแปลง....
เธอรู้สึกเหมือนกำลังโดนเปรียบเทียบอยู่อ้อมๆ ทั้งสายตาที่ทั้งสองคนมอบให้กับมันดูเหมือนเป็นการส่งสัญญาณอะไรกันบางอย่าง ...ในตอนนี้เหมือนเธอไม่มีตัวตน เหมือนเป็นวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในห้องนี้ ที่ได้แต่ยืนฟังสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกันอย่างเงียบๆ ทั้งๆที่รู้สึกเจ็บแปล๊บๆในอก...
... ความรู้สึกเหมือน...กลัวว่าเขาจะชอบความหอมหวานของกาแฟ... กลัวว่าเขาจะสนใจเธอคนนั้นมากกว่า กลัว.... กลัวว่าเขาจะรักเธอคนนั้น....มากกว่าตัวฉัน....
“ขอโทษนะคะ งั้นฉันขอตัวก่อนละกันค่ะ จะไปดูรีไวล์ซะหน่อย เห็นว่าไม่ค่อยสบาย ไว้เจอกันนะคะท่านอาร์มิน คุณคริสต้า...” เธอแกล้งยิ้มแห้งๆให้ทั้งสองคนเหมือนปกติ ทั้งสองคนหันมาโบกมือให้เธอก่อนจะหันไปคุยกันต่อ หญิงสาวหันมามองทั้งสองคนที่คุยกันท่าทางสนุกสนาน เหมือนทั้งสองคนสนิทกันมาก สีหน้าที่ยิ้มแย้มสนุกสนานของทั้งสองคน....
ยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกปวดใจ.... ทั้งที่อยากเข้าไปยืนแทนที่เธอคนนั้นแท้ๆ.... แต่ก็ได้แค่มอง....
.
.
.
.
.
.
รถสีขาว คันใหญ่ขับใกล้เข้ามาทางหน้าคฤหาสน์ชิกันชิน่า รถที่มีตราของเมืองมาเรียประดับอยู่ด้านหน้าและด้านข้าง.... หนุ่มบอดี้การ์ดผมมัดรวบสีทองสว่างยืนอยู่หน้าหน้าประตูคฤหาสน์ชิกันชิน่า เขาใช้มือที่สวมถุงมือสีดำของบอดี้การ์ดถอดแว่นกันแดดสีดำออก...เพื่อเพ่งมองรถคันที่ใกล้เข้ามาให้ชัดเจนขึ้น....แลสังเกตเห็นตราประจำเมืองมาเรีย... “หัวหน้าเอิรธ์ครับ... ดูท่าว่าท่านชายเอลวินจะกลับมาแล้วนะครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มร่างสูงราวๆเกือบ 2 เมตร กล่าวบอกกับหัวหน้าบอดี้การ์ดที่กำลังยืนมองอยู่ตรงหน้า “ใช่ เหมือนว่าคราวนี้จะไม่ได้กลับมาคนเดียวซะด้วย .....” หัวหน้าบอดี้การ์ดพูดกับบอดี้การ์ดลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มร่างสูงผมสีดำในชุดบอดี้การ์งุนงงกับคำพูดของหัวหน้า ก็ทำให้ใบหน้าจืดชืดอดครุ่นคิดไม่ได้ ดวงตาสีฟ้าที่ดูอ่อนโยนของหัวหน้าบอดี้การ์ดหรี่ลงเล็กน้อย ความรู้สึกหนึ่งแว็บเข้ามาในใจ... รู้สึกเหมือนว่าจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น.... “เบลทรูท... เปิดประตูเถอะ อย่ามัวแต่คิดจนลืมหน้าที่ที่ต้องทำในตอนนี้ เรายังต้องรับมือกับเรื่องมากมายที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้านี่..... เร็วๆนี้แหละ”
TBC
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น