วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

[Fic Attack On Titan ] Levi x Eren : Position Part #6

Position

Part #6


รถสีขาวคันใหญ่ขับเข้ามาทางหน้ารั้วของคฤหาสน์ชิกันชิน่า... รถที่เป็นรถส่วนตัวที่จัดทำเฉพาะ..ไม่สามารถบอกรุ่นหรือยี่ห้อได้.... เหล่าบอดี้การ์ดเปิดประตูต้อนรับ หัวหน้าบอดี้การ์ดหนุ่ม ยืนทำความเคารพแด่ผู้มาเยือน...
ซึ่งเป็นชนชั้นสูงจากเมืองมาเรียที่เลื่องชื่อ.... รถสีขาวขับมาจอดที่ประตูด้านในของคฤหาสน์ ... หน้าประตูมีคนในบ้านยืนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ทั้งนายน้อยรีไวล์... คุณหนูฮันซี่ เอกราชทูตอาร์มินและพ่อบ้านแม่บ้านคนอื่นๆรวมทั้งบอดี้การ์ด ยืนต้อนรับคนที่อยู่ในรถ...


ประตูรถทางเดินหลังถูกเปิดออก ชายวันกลางคนร่างสูงใหญ่ก้าวขาออกมา... เรือนผมสีทองสว่างตัดสั้น ดวงตาสีฟ้าดูมีเมตตา ....ชายวัยกลางคนยืนเต็มความสูงแล้วปิดประตูของรถยนต์ซึ่งเป็นทางที่เพิ่งออกมาเมื่อครู่...   ท่านชายเอลวิน ยินดีต้อนรับกลับครับ/ค่ะ  พ่อบ้านและแม่บ้านพูดอย่างพร้อมเพรียง แสดงความยินดีที่ ท่านชายเอลวิน กลับมาจากเมืองมาเรีย แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้ท่านชายเอลวินจะไม่ได้กลับมาคนเดียว... ชายผมสีทองยิ้มจางๆตอบรับให้คนที่อยู่หน้าประตูหน้า พลางดวงตาสีฟ้าผินมองไปที่นายน้อยรีไวล์ผู้เป็นลูกชาย.....


ประตูรถอีกข้างถูกเปิดออกด้วยชายอีกคนหนึ่ง รูปร่างและวัยไล่ๆกับท่านชายเอลวิน ชายวันกลางคนผมสีดำสนิท และหนวดเคราเล็กน้อยประดับใบหน้าคมเข้ม....และประตูด้านหน้าทางซ้าย... เด็กสาวร่างเล็กก้าวขาเรียวออกมาจากรถ ....เรือนผมสีน้ำตาลออกส้มตัดสั้นพลิ้วสลวย... ดวงตากลมโตสีน้ำตาลมองผู้คนที่อยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางเป็นมิตร ....เสื้อผ้าลักษณะนี้ คงไม่วายฐานะระดับลูกคุณหนู... ดูสง่างามทุกกิริยาบท ตั้งแต่ก้าวออกมาจากรถทำสายตาคู่หนึ่งของใครบางคนถึงกับถึงกับตะลึง คนขับรถขับรถยนต์สีขาวคันใหญ่ออกไปจอดเก็บหลังคฤหาสน์ โดยที่คนเบื้องหน้ากำลังยืนงงงวยกับบุคคลแปลกหน้าที่มาพร้อมกับท่านชายผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์...


 ทุกคน ดูสิว่าวันนี้ฉันพาใครมาด้วย ชายเรือนผมสีทองวัย  40 กว่าปี เอ่ยบอกกับเหล่าผู้คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า... ชายร่างใหญ่เข้าเข้าไปหาชายอายุไล่ๆกัน....มือแกร่งตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆก่อนจะเอ่ยแนะนำ  นี่คือท่านชายไนล์ มาจากเมืองมาเรีย เป็นเพื่อนของฉันเอง.... ทุกคนคงจะเคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยเห็นหน้าสินะ ส่วนนี่คือคุณหนู เพทรา เป็นลูกสาวของท่านชายไนล์  วันนี้ฉันเชิญพวกเขามาอย่างเงียบๆ ในเมืองจะได้ไม่ต้องมีการต้อนรับกับใหญ่โตเอิกเริก....ใช่ไหมเพื่อนยาก” ท่านชายเอลวินพูดพร้อมยิ้มให้เพื่อนชาย... “อืม... เพื่อนชายยิ้มตอบ.... ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะทุกคน....” ท่านชายไนล์กล่าวกับสมาชิกในคฤหาสน์ของท่านชายเอลวินเพื่อนรักด้วยรอยยิ้มจางๆ  ทั้งสามคนเดินเข้าไปในคฤหาสน์ เหล่าพ่อบ้านและแม่บ้านต่างต้อนรับกันอย่างดีให้สมกับฐานะของท่านชายไนล์และคุณหนูเพทราพอเป็นพิธีแล้วต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง...


.


.


ในห้องโถงของคฤหาสน์...ท่านชายเอลวินนั่งคุยอยู่กับท่านชายไนล์เพื่อนสนิทบนโซฟาที่ทำจากผ้ากำมาหยี่สีน้ำตาลเข้มโดยมีนายน้อยรีไวล์และคุณหนูเพทรานั่งอยู่ข้างๆ


 นี่เป็นครั้งแรกเลยนี่ ที่นายมาเยี่ยมที่คฤหาสน์ของฉัน

 อา...เป็นครั้งแรกที่มาเมืองชิน่าด้วย...


ทั้งสองคนคุยกันฉันท์เพื่อน .... นานๆทีจะมีคนมาเยี่ยมคฤหาสน์..... ท่านชายเอลวินจึงสั่งให้พ่อบ้านแม่บ้านเตรียมจัดงานเลี้ยงฉลองในค่ำคืนนี้ จัดเป็นงานเล็กๆในบ้านโดยจะให้พ่อบ้านแม่บ้านที่อยู่ชั้นบนลงมาร่วมงานด้วย.....นายน้อยรีไวล์ถอนหายใจเบาๆ....ในเวลานี้ช่างเบื่อหน่ายเหลือเกิน ทั้งๆที่ไม่มีอะไรจะคุยแท้ๆ แต่ก็ต้องมานั่งฟังบทสนทนาไร้สาระที่พวกผู้ใหญ่คุยกัน ทั้งๆที่จะได้ไปทำอย่างอื่น ก็ต้องมานั่งเฉยๆ เป็นมารยาท... มีแขกมาอย่างน้อยก็ต้องออกมาให้เห็นหน้าเห็นตากันบ้าง... รีไวล์มีความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่คุณหนูเพทราลูกสาวของท่านชายไนล์ถึงกับต้องตามมาด้วย.... ปกติเห็นเพื่อนท่านชายคนอื่นๆของพ่อมาเยี่ยมที่ไรไม่เคยพาลูกพาหลานมาด้วย แต่คราวนี้ดันมีลูกสาวตามมา...


ต้องมีอะไรแน่ๆ...


ดวงตาสีเทาคู่คมสังเกตเห็นดวงตาที่ดูเศร้าสร้อยของเด็กสาวรุ่นเดียวกันที่นั่งอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม ตั้งแต่มาถึงที่นี่ เธอดูแอบแฝงความเศร้าเอาไว้ลึกๆ และปิดบังสิ่งนั้นเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม....ใบหน้าสวยหวานกำลังฝืนยิ้ม...ตลอดเวลา....

พ่อฉันขอตัวก่อนนะ...” เด็กหนุ่มผมสีนิลเรียกสรรพนามแทนบิดาว่า พ่อ ห้วนๆเป็นปกติ ท่านชายเอลวินพยักหน้ารับแล้วหันไปคุยกับท่านชายไนล์ต่อ พลางแอบมองแผ่นหลังของลูกชายเดินออกไป.... คุณพ่อค่ะ ถ้าไม่ว่าอะไรลูกขอออกไปเดินเล่นรอบๆบ้านนะคะ” หญิงสาวผมสีน้ำตาลออกส้มเอ่ยกับบิดาด้วยรอยยิ้มจางๆอย่างสุภาพตามแบบของกุลสตรีที่ถูกอบรมมาอย่างดี..  อืม... ไปสิลูกจะได้คุ้นชิน..” ท่านชายไนล์หันไปบอกลูกสาวพร้อมส่งสายตาบางอย่าง.. เด็กสาวลุกขึ้นเดินออกไปทางด้านหลังของห้องโถง ท่วงท่าที่สง่างามของเด็กสาวแสดงถึงความเหมาะสมเพรียบพร้อม.... ท่านชายเอลวินหันซ้ายหันขวา ก่อนที่จะเขยิบกายเข้าไปใกล้ๆเพื่อนสนิทวักลางคน ...


เหมาะสมจริงๆนายว่าไหม.... ท่านชายเอลวินพูดขึ้นพลางผินตามองเด็กสาวที่เดินออกไป

 “อืม... ฉันก็คิดแบบนั้น ตอนที่ฉันบอกเพทราครั้งแรกเธอแทบจะร้องไห้เลยล่ะ จริงๆฉันก็รู้สึกไม่ค่อยอยากจะฝืนใจเธอเท่าไรนัก...

ไม่หรอกน่า... นายคิดดูสิ ถ้ามันเป็นไปตามที่พวกเราคาดกันไว้ล่ะก็ ทั้งชื่อเสียง...และการติดต่อค้าขายต่างๆของเมืองชิน่ากับเมืองมาเรียจะสะดวกขึ้นเป็นโขเลยนะ ฉันว่ามันเป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว อีกอย่างถ้าฉันปล่อยให้เลือกเองล่ะก็ อย่างรีไวล์คงได้ขึ้นคานกันพอดี หรือไม่ก็ไปคว้าผู้หญิงที่ก็ไหนไม่รู้มาร่วมวงศ์ตระกูล พาเสื่อมเสียหมด” ท่านชายเอลวินพูดโน้มน้าวเพื่อนชายวัยกลางคน  ...ไนล์นั่งจับเคราครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาสบตาเพื่อนชาย.... แล้วรีไวล์ลูกชายนายล่ะ ยังไม่ได้บอกเขาเลยนี่ เขาจะยอมหรอ...” “ไม่ต้องห่วงเรื่องรีไวล์หรอกน่า ยังไงเขาก็ต้องฟังคำสั่งของฉัน อาจจะต้องมีง้อมีงอนกันบ้างแต่ว่ายังไงเขาก็ต้องแต่งงานกับเพทราแน่นอน.......ไนล์เริ่มไม่แน่ใจในสิ่งที่จะทำ... แต่เมื่อนึกถึงผลประโยชน์ที่ตามมาแล้วมันก็ช่างคุ้มค่าเหลือเกิน...ถึงจะต้องฝืนใจลูกสาวสุดที่รักแต่ก็คิดว่าสักวันเธอก็คงจะชินไปเอง และเธอก็จะต้องมีความสุขในชื่อเสียงและกองเงินกองทองที่กำลังจะโปรยมาให้ในอนาคตอย่างแน่นอน....


นั่นสินะ... งั้นเราควรจะบอกทุกคน...ในงานเลี้ยง....คืนนี้....

.


.


.


.


.


.


                “ หืม?... ทำไมรีบกลับจัง...” เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ฮะๆ แปลกจังรีไวล์ ปกตินายก็ไล่ฉันกลับอย่างเดียวเลยนี่นา...” สตรีใส่แว่นยิ้มแห้งๆ  ร่างสูงยืนอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ พร้อมกระเป๋าสัมภาระเต็มไม้เต็มมือ โดยรถที่เธอโทรเรียกจากเมืองโรสได้มารอเธอที่ตรงหน้าแล้ว.... ก็มันแปลกนี่นา ปกติเธอจะขออยู่ต่อมากกว่าไม่ใช่รึไง ยัยเพี้ยน” รีไวล์มุ่นคิ้วสงสัย ไม่อยากจะเชื่อว่ายัยเพี้ยนจอมจุ้นอย่างฮันซี่จะรีบกลับเมืองโรส ...


ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมานาน สายตาคู่คมมองออกได้ทันทีว่าเพื่อนสาวของเขามีเรื่องอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าทะเล้นกวนประสาท กำลังเศร้างั้นหรอ” ชายหนุ่มคิดในใจ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นยัยเพี้ยนคนนี้มีเรื่องเศร้าใจมาก่อน... ในตอนนี้ก็แอบแสดงอาการออกมาในบางมุม...  เอาน่าๆ ไว้วันหลังฉันจะมาหาใหม่น้า.... ฝากขอโทษท่านชายเอลวินด้วยล่ะที่ไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยง...” เธอพูดทิ้งท้ายเอาไว้ พร้อมก้าวขาเดินขึ้นรถของเมืองโรสที่จอดรอรับเธออยู่...แล้วรถก็ถูกขับออกไปทันที... ท่าทีลุกลี้ลุกลน รีบร้อนของเพื่อนสาวก็ทำให้เด็กหนุ่มอดเป็นห่วงไม่ได้...


เกิดอะไรขึ้นกับเธอ ยัยเพี้ยน....


คุณฮันซี่กลับไปซะแล้วหรอครับ..” เสียงทุ้มติดหวานเอ่ยจากด้านหลังของเด็กหนุ่ม  ชวนให้ใบหน้าคมเข้มของเด็กหนุ่มร่างเล็กหันไปมอง... ชานหนุ่มร่างใหญ่ผมทองสว่าง สูงราวๆ 180 เซนติเมตรได้... เอกราชทูตอาร์มินกำลังเดินใกล้เข้ามา แปลกจังครับ.. ปกติคุณฮันซี่ไม่เคยรีบร้อนกลับเร็วแบบนี้เลยครับ เกิดอะไรขึ้นหรอครับนายน้อยรีไวล์” เด็กหนุ่มหันกลับไปที่หน้าประตู เส้นทางที่รถของเมืองโรสวิ่งออกไป... ไกลจนลับตา ไม่รู้สิ.... บางทียัยนั่นอาจจะกำลังต้องการกลับไปทบทวนอะไรบางอย่างก็ได้... “ ริมฝีปากหนาขยับพูดด้วยเสียงแผ่วเบา เมื่อได้เห็นเอกราชทูตอาร์มินก็เกิดรู้สึกนึกอะไรบางอย่างออก .... ทำให้พอจะเดาสิ่งที่เกิดขึ้นกับเพื่อนสาวฮันซี่ได้..... อาร์มินเลิกคิ้วสูงงุนงงกับคำพูดของเด็กหนุ่มร่างเล็ก ยิ่งทำให้เกิดงุนงงขึ้นไปใหญ่....


ชายหนุ่มผมทองถอนหายใจเบาๆ อาร์มินเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเองที่อยู่ชั้น 5  เดินไปพลางนึกไป คุณหนูฮันซี... หญิงสาวที่รู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้พบเจอ ทุกครั้งที่ได้คุย ตอนนี้เธอกลับไปเร็วเหลือเกินทั้งๆ ที่ยังอยากจะคุยด้วยมากกว่านี้แท้ๆ ...คิดอย่างนั้น..
อุส่าห์คิดว่าคราวนี้จะได้คุยกันมากกว่านี้แท้ๆ...



               

.


.


.


.


เพทรา พ่อมีเรื่องจะบอกกับลูก...

มีอะไรหรอคะคุณพ่อ

“ คือว่านะ... พ่อคุยกับท่านชายเอลวินเพื่อนของพ่อแล้วนะ... เขาอยากให้ลูกแต่งงานกับนายน้อยรีไวล์จากเมืองชิน่าลูกชายของเขา ซึ่งพ่อก็เห็นด้วย เป็นโชคดีของลูกจริงๆที่ได้แต่งงานกับตระกูลที่รีรวยและมีชื่อเสียงขนาดนี้

เด็กสาวอ้าปากค้าง ร่างบางสั่นหงึก แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ว่าพ่อทูนหัวของเธอ จะจับเธอคลุมถุงชนกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้าเห็นตามาก่อน น้ำตาปริ่มในดวงตากลมโตจนแทบจะเอ่อล้นออกมา..

ค...คุณพ่อ.... ว...ว่ายังไงนะคะ” เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ความสิ้นหวังมาเยือน เคยคิดไว้ว่าสักวันจะมีเจ้าชายมาขอแต่งงานเหมือนในละคร แต่มันก็หมดสิ้นไป พร้อมกับคำพูดของผู้เป็นพ่อ..

อ้าว.. ไม่ได้ยินที่พ่อพูดหรอ.. ลูกเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวได้แล้วนะ ในวันพรุ่งนี้พ่อจะพอลูกไปเจอเขาที่เมืองชิน่า เมื่อสิ้นคำพูดของผู้เป็นพ่อ น้ำตาที่พยายามเก็บเก็บไว้เมื่อครู่ก็ไหลอาบแก้ม... ริมฝีปากบางเม้มแน่นเป็นเส้น ทำให้ผู้เป็นพ่อต้องตกใจมือแกร่งจับที่บ่าของลูกสาวผู้เป็นดวงใจ

ลูกเป็นอะไรเพทรา ลูกควรจะดีใจมากกว่าจะมานั่งร้องไห้นะ พ่อเลือกทางที่ดีที่สุดให้ลูกแล้วนะ เชื่อพ่อสิ แต่งงานกับลูกของท่านชายเอลวิน ลูกจะสุขสบายไปทั้งชีวิต..” มือแกร่งทั้งสองข้างของบิดาจับไหล่ของบุตรสาวแน่นขึ้น  เด็กสาวผมสีน้ำตาลออกส้มที่กำลังร้องไห้โดยไม่มีเสียงสะอื้นใดๆ

            เด็กสาวคลายมือของผู้เป็นพ่อออกจากบ่า เธอกลับหลังหันเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ในห้อง มือเรียวจับที่ขอบหน้าต่าง เธอเงยหน้ามองท้องนภาที่สดใส มวลเมฆต่างเหมือนยืนมองเธอยู่ด้วยท่าทีเยาะเย้ย..


            เด็กสาวหลับตาพริ้ม..ปล่อยให้น้ำตาไหลไปเรื่อยๆ แด่โชคชะตาที่ถูกวาดเอาไว้.. ชีวิตของฉัน มีแค่นี้ สินะ... เธอพูดกับตัวเองเบาๆ


เหตุใด..โชคชะตาช่างกลั่นแกล้ง.. ไม่เคยได้สมหวังในสิ่งใดสักอย่าง... เหมือนถูกขังอยู่ในกรงทองที่ประดับด้วยอัญมณีล้ำค่า...แลดูเหมือนวิหคน้อยในกรงนั่นช่างงดงามเลอค่า.. แต่ไม่อาจรู้ได้ว่า.. ที่จริงแล้วจิตใจของสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆ..ช่างเศร้าหมอง..ไม่ต่างกับซากศพที่ขยับกายได้...ทั้งชีวิต..ทั้งจิตใจ..ได้แต่เพียงปล่อยให้เวลาผ่านไป...เรื่อยๆ ช้าๆ ...จืดชืด ไร้สีสันใดแต่งเติม...

.

.

.

.

เด็กสาวตัวเล็กๆคนหนึ่งเดินไปเรื่อยๆรอบๆคฤหาสน์ชิกันชิน่า พลางนึกถึงวันข้างหน้าที่ต้องแต่งงานเธอจะไม่สามารถเจอใครได้อีก เมื่อเธอแต่งงาน เธอก็จะมีสามีเป็นตัวเป็นตน.... จะต้องมีลูก ใช้ชีวิตเป็นภรรยาและแม่โดยที่ไม่เต็มใจ..เธอเดินไปพลางคิดไปจนไม่ได้ระวังตัว...

อ๊า!!!!!!

เธอเผลอเดินเหยียบหลุมของทางเดินด้านหน้าที่ยังไม่ได้ซ่อมแซม ณ ข้างๆสวนดอกทานตะวัน เธอไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกเหมือนมีอะไรมารองรับเธอไว้..เธอค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ พร้อมแหงนคอ หันกลับไปมองผู้ที่ช่วยเธอไว้..

คุณ....
ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ.. คุณหนูเพทรา

ชายหนุ่มเรือนผมสีทองสว่างมัดรวบใช้มือทั้งสองข้างที่สวมถุงมือจับแขนอรชรของเด็กสาวเอาไว้...ดวงตาทั้งสองคู่สบกับครั้งแรกแต่ไม่ใช่ครั้งแรกของชายหนุ่มตรงหน้า...เด็กสาวรีบผละตัวออกจากบุรุษในชุดบอดี้การ์ดอย่างเร็วพลัน...  ไม่ทันระวัง! ดันถลาตัวเซไปเหยียบหลุมเดิมอีกครั้ง เธอจะหงายหลังล้มลง... หนุ่มบอดี้การ์ดตาโต..มือแกร่งรีบคว้าเอวคอดกิ่วของเด็กสาวเอาไว้ในวงแขน.... เด็กสาวตกใจหน้าแดงก่ำ..ที่มีผู้ชายมาจับเนื้อตัวโดยที่ไม่ได้ตั้งตัว...แต่เขาก็ช่วยเธอไว้...

เด็กสาวค่อยๆดันตัวให้ยื่นอย่างมันคง รู้สึกว่าอุณหภูมิบนใบหน้าขึ้นสูงอย่างฉับพลันจนเกือบจะเป็นลมได้....  ข..ขอบคุณนะคะที่ช่วยดิฉันไว้... ไม่งั้นฉันคงล้มบาดเจ็บแน่ๆเลยค่ะ ขอบคุณจริงๆค่ะ คุณ…” หญิงสาวลากเสียงยาวในพยางค์สุดท้าย เนื่องจากไม่ทราบชื่อของบุรุษตรงหน้า แต่เธอเคยเห็นบุรุษคนนี้ ยืนต้อนรับรถยนต์ประจำเมืองมาเรีย เมืองบ้านเกิด ของเธออยู่หน้าประตูรั้วคฤหาสน์...และที่ประตูคฤหาสน์ด้านใน... ผมเอิร์ธครับ เป็นหัวหน้าบอดี้การ์ดของคฤหาสน์ชิกันชิน่าครับ...บอดี้การ์ดหนุ่มแนะนำตัวพร้อมโค้งตัวเล็กน้อย ..เด็กสาวร่างเล็กมองสายตาของเอิร์ธอย่างจดจ้อง.... เธอรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาบุรุษคนนี้ สายตาที่แสนอบอุ่นอ่อนโยน เหมือนเคยพบเจอ..เมื่อนานมาแล้ว....

เอ๊... มีอะไรหรอครับ” ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าเด็กสาวตรงหน้าจ้องหน้าเขามาเป็นสักพักแล้ว จึงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มแห้งๆ แต่ก็แอบประหม่าอยู่เล็กน้อย...

อ..อา..ขอโทษทีค่ะที่ฉันทำตัวไม่สมกับเป็นกุลสตรีเอาซะเลย มาจ้องหน้าผู้ชายแบบนี้ได้ยังไงกัน แหะๆ” หญิงสาวเหงื่อแตกพลักๆ เผลอทำท่าทางหน้าอายต่อหน้าคนอื่นซะได้..ถ้าคุณพ่อมาเห็นเข้าล่ะก็มีหวังโดนอบรมทั้งวันแน่ๆ....   เอ่อ..ช่างมันเถอะครับ...ต้องขอโทษจริงๆนะครับ ที่ปล่อยให้มีหลุมแบบนี้ขึ้นได้ เป็บความผิดของบอดี้การ์ดอย่างผมเองครับ..ที่ไม่ดูแลพื้นที่ของคฤหาสน์อย่างดี” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิดนิดๆ ….

ม...ไม่หรอกค่ะ ฉันกลับคิดว่าที่นี่สวยงามมากกว่านะคะ..

 “ ถ้าคุณหนูชอบผมก็ดีใจครับ... แล้วในเมืองล่ะครับ..คุณหนูชอบรึเปล่า” หญิงสาวชะงักเล็กน้อยข้างนอก..หรอคะ.. ความรู้สึกเศร้าหมองแทรกเข้ามาในใจอีกครั้ง...นึกย้อนกลับไปตั้งแต่วันเยาว์เธอไม่เคยได้ออกมานอกคฤหาสน์ ไม่เคยได้ออกมาเจอโลกภายนอก....แม้กระทั่งในเมืองมาเรียที่เป็นเมืองบ้านเกิดก็ตาม...เธอเคยหนีออกมาครั้งหนึ่งแต่ก็ถูกจับได้ จากนั้นก็ไม่ได้ออกมาอีกเลย.. เป็นครั้งแรกที่ได้มาเมืองอื่น เธอไม่รอช้า... เมื่อโอกาสมาหาเธอตรงหน้าแล้ว เธอต้องรีบคว้าเอาไว้..  ถ้าไม่รังเกียจ คุณเอิร์ธช่วยพาดิฉันไปชมรอบเมืองได้ไหมคะ!!” เด็กสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทำเอาบุรุษตรงหน้าอึ้งเล็กน้อย แลเห็นถึงความเก็บกดบางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายในดวงตา


เป็นเกียรติมากครับ..

ชายหนุ่มโค้งตัวเล็กน้อย ..ตอบตกลง ที่จะพาเด็กสาวซึ่งที่ใครๆเรียกเธอว่าคุณหนูไปชมรอบเมืองชิน่า เอิร์ธยิ้มจางๆ รอยยิ้มที่อบอุ่นทำให้เด็กสาวรู้สึกปลอดภัยและไว้วางใจทั้งๆที่เธอเจอเป็นครั้งแรกแท้ๆ....


ในเมื่อชีวิตของฉันจะถึงจุดที่ถูกขีดเส้นไว้แล้ว.... ก่อนจะถึงจุดนั้น ฉันอยากจะทำในสิ่งที่ฉันใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต อย่างน้อย...แค่สักครั้ง...

.


.


.


.


.


สองหนุ่มสาวเดินรอบๆเมืองไปเรื่อย ผ่านหูผ่านตาหลายอย่าง โดยเฉพาะเด็กสาวร่างเล็ก เธอดูประหลาดใจเมื่อได้เห็นสิ่งต่างๆในเมือง...ตลอดทางที่ผ่านสิ่งอย่างมา เธอก็ถามชายหนุ่มตลอด..  นี่คืออะไรหรอคะ .. คุณเอิรธ์นั่นเอาไว้ทำอะไรคะ”  จนถึงตอนเย็น ฟ้าเริ่มมืด สองหนุ่มดางเดินเที่ยวเตร่ไปเรื่อย และแล้วเธอก็สะดุตาเข้ากับสิ่งๆหนึ่ง...  สิ่งนั้น..คืออะไรคะคุณเอิรธ์..” หญิงสาวที่ไปที่ร้านขนมร้านหนึ่ง..ชายหนุ่มมองไปตามนิ้วเรียวของเด็กสาวเป็นขนมยอดนิยมอย่างหนึ่งที่ทำจากแป้งจะมีไส้อยู่ข้างใน... เครปญี่ปุ่นครับ..” เอิรธ์บอกกับเด็กสาวที่ในตอนนี้เธอช่างดูไร้เดียวสา ในโลกภายนอกนี้เธอแทบจะไม่รู้จักอะไรเลย... และดูท่าว่าเธอจะระบายความเก็บกดออกมามากทีเดียว เพราะตั้งแต่ออกมานอกพื้นที่คฤหาสน์ดูร่าเริงผิดหูผิดตา เมื่อเทียบกับตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ดูเหมือนเป็นคุณหนูผู้เรียบร้อย ดูเป็นกลุสตรี


ช่างแตกต่าง...

หอมจังเลยค่ะ  เธอพูดพร้อมทั้งสายตาเป็นประกาย ดูท่าว่าเธอจะอยากทานเครปตรงหน้านั่นไม่ใช่น้อย....ชายหนุ่มผมทองสว่างเมื่อเห็นอย่างนั้นจึงเดินมุ่งตรงไปที่ร้านขนมทันที..เขาซื้อเครปมาหนึ่งชิ้น... มือแกร่งยื่นเครปให้เด็กสาวร่างเล็กตรงหน้าที่ตาโตขึ้นด้วยความแปลกใจเล็กน้อย เอ๊.. เจ้าของร้านไม่ได้ให้ซ่อมกับมีดมาหรอคะ  เด็กสาวไร้เดียงสาเรือนผมสีน้ำตาลออกส้มเอ่ยถาม พร้อมรับเครปญี่ปุ่นในมือของชายหนุ่มตรงหน้า พลางมองขนมในมืออย่างประหลาดใจ เครปญี่ปุ่นไม่ต้องใช้ซ่อมกับมีดหรอกครับ.. กินด้วยการกัดน่ะครับ” เอิรธ์อธิบายพร้อมชี้นิ้วแนะนำเด็กสาว เธอมองขนมในมืออยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจอ้าปากกัดขนมที่ทำด้วยแป้งอย่างช้าๆ


อ...อร่อยจังเลยค่ะ 


                หญิงสาวตาเบิกกว้าง รสชาติของขนมที่ไม่เคยกินมาก่อน เธอกินต่อไปอีกสองสามคำ ..ดูท่าว่าจะถูกใจไม่ใช่น้อย..เด็กสาวพลางมองบุรุษตรงหน้าที่กำลังอมยิ้มอยู่... “ ถ..ถ้าไม่รังเกียจ คุณเอิรธ์ ก็ทานด้วยกันสิคะ....” เพทราหน้าแดงจางๆ มือเรียงยื่นขนมที่ทำจากแป้งที่มีรอยกัดสองสามที่ในมือให้แก่บอดี้การ์ดหนุ่มร่างสูง.. เอิรธ์รู้สึกว่าไม่ควรรับ..เนื่องจากชนชั้นที่แตกต่างกัน ของบอดี้การ์ดและคุณหนู เขาจึงเอ่ยกลับไปอย่างสุภาพ.. “ เอ่อ จะดีหรอครับ... บอดี้การ์ดอย่างผมไม่ควร...” “รังเกียจดิฉันหรอคะ” คุณหนูเพทราพูดตัดบท เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอรู้ดีว่าบอดี้การ์ดหนุ่มปฏิเสธเธอเพราะว่าเจียมตัว.. แต่เธอรู้สึกว่าอยากจะสนิทกับคนๆนี้ให้มาก เป็นครั้งแรกที่เจอแต่กลับรู้สึกว่าเคยเจอกันมาก่อน และเคยผูกพัน .....


                บอดี้การ์ดหนุ่มกัดเครปญี่ปุ่นในมือของหญิงสาว..แล้วหันมายิ้มให้อย่างอ่อนโยน หญิงสาวรู้สึกแปลกในหัวใจ รู้สึกเหมือนเขินก็ไม่ใช่ตกใจก็ไม่เชิง แต่ที่เธอรู้ก็คือบุรุษคนนี้ไม่ได้รังเกียจเธอแต่อย่างใดแต่เขากลับให้เกียรติเธอเสียมากกว่า.คุณหนูเพทรายิ้มตอบชายหนุ่มที่กำลังกัดเครปที่เธอยื่นให้อย่างมีความสุข

              

        “เพทรา.....

                เสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงที่คุ้นเคย เพทรารู้สึกได้ทันทีว่าความสุขของเธอถูกพรากไปในทันที... เธอค่อยๆหันหน้ากลับไปอย่างช้าๆ และแล้วก็เป็นอย่างที่เธอคาดเอาไว...


                ค...คุณพ่อ..” เธอเห็นผู้เป็นพ่อของเธอมากับท่านชายเอลวิน  ดวงตาของผู้เป็นบิดากำลังโกรธเกรี้ยว..สายตาของพ่อกำลังจับต้องมาที่เธอและบอดี้การ์ดหนุ่มที่ยืนอยู่... โสตประสาทของเพทราในตอนนี้ก็คือ... ความกลัว เธอกลัว สถานการณ์แบบนี้สิ่งหนึ่งในใจเธอกำลังกำเริบขึ้นมา... ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเบิกกว้าง เธอรีบวิ่งเข้าไปหลบด้านหลังของบอดี้การ์หนุ่ม...ผู้เป็นพ่อไม่รอช้ารีบคว้าแขนอรชรของบุตรสาวเอาไว้ แรงบีบแน่น เพทราร้องเบาๆด้วยความเจ็บปวดที่ไหลผ่านข้อมือ..ท่านชายไนล์กระชากร่างของลูกสาวมาไว้ข้างกาย... ด้วยแรงมหาศาลเกือบล้อให้บุตรสาวแทบล้ม.. สายตาเกรี้ยวกราดสบเข้ากับดวงตาสีฟ้าของเอิร์ธเข้า ถ้าฉันเห็นแกมายุ่งย่ามกับเพทราอีก แกจะโดนดีไม่ใช่น้อย!!! ...เพทรา กลับคอนโดเดี๋ยวนี้!!!”

                คุณหนูเพทราไม่ผิดนะครับ ผมผิดเองที่พาเธอมาโดยพละการ

                “ฉันไม่ได้ถามแก!! ไอ้บอดี้การ์ดชั้นต่ำ!!”

                เสียงของไนล์แผดลั่นไปทั่วพื้นที่ ผู้คนมากมายต่างหันมามอง ผู้คนซุบซิบเสียๆหายๆว่าพ่อตาหวงลูกสาวบ้างล่ะ ผู้ชายพาหนีบ้างล่ะ .... ชายวัยกลางคนหันไปบอกกับท่านชายเอลวินเรื่องที่ต้องเลื่อนงานเลี้ยงฉลองคืนนี้เป้นพรุ้งนี้แทน แล้วลากลูกสาวขึ้นรถกลับคอนโดไปด้วยอารมณ์เดือดดาลสุดขีด ที่คนเป็นพ่อจะหวงลูกสาว และยิ่งลูกสาวที่กำลังจะแต่งงานในอีกไม่ช้า มาคลุกคลีกลับผู้ชายคนอื่นโดยที่รู้ตัวอยู่แล้วแบบนี้ ...คงต้องมีการอบรมครั้งใหญ่....

                เอิร์ธมองตามรถที่ท่านชายไนล์ขับออกไป...ไกลจนลับตา พลางหันมามองท่านชายเอลวินที่ขมวดคิ้วจ้องหน้าเขาอยู่ เอิร์ธ เรามีเรื่องต้องคุยกัน...” ชายวัยกลางคนเรือนผมสีทองสว่างพูดเสียงแข็ง ท่าทีดูน่ากลัวกว่าทุกครั้ง ครั้งนี้เอิร์ธทำให้เขาเสียหน้าอย่างมาก บอดี้การ์ดหนุ่มสลด ยอมรับกับความผิดพลาดของตัวเอง เขาลืมไปว่าไม่ได้ขอนุญาติ จึงทำให้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น

ผมขอโทษครับ คุณหนูเพทรา....


TBC

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น